พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เล่มที่ 1 ภาคที่ 2
ตอนที่ 4
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คาถาธรรมบท
มลวรรคที่ 18
1ว่าด้วยมลทิน
[28] 1. บัดนี้ ท่านเป็นดุจใบไม้เหลือง อนึ่ง บุรุษแห่ง
พระยายม (คือความตาย) ปรากฏแก่ท่านแล้ว ท่าน
ตั้งอยู่ใกล้ปากแห่งความเสื่อม อนึ่ง แม้เสบียงทาง
ของท่านก็ยังไม่มี ท่านนั้นจงทำที่พึ่งแก่ตน จงรีบ
พยายาม จงเป็นบัณฑิต ท่านกำจัดมลทินได้แล้ว
ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน จักถึงอริยภูมิอันเป็นทิพย์.
บัดนี้ ท่านเป็นผู้มีวัยอันชรานำเข้าไปแล้ว เป็นผู้
เตรียมพร้อม (เพื่อจะไป) สำนักของพระยายม อนึ่ง
แม้ที่พักในระหว่าง (ทาง) ของท่านก็ยังไม่มี อนึ่ง
1. วรรคนี้ มีอรรถกถา 12 เรื่อง.
ถึงเสบียงทางของท่านก็หามีไม่ ท่านนั้นจงทำที่พึ่ง
แก่ตน จงรีบพยายาม จงเป็นบัณฑิต ท่านเป็นผู้มี
มลทินอันกำจัดได้แล้ว ไม่มีกิเลสเพียงดำเนิน จักไม่
เข้าถึงชาติชราอีก.
2. ผู้มีปัญญาทำกุศลอยู่คราวละน้อย ๆ ทุก ๆ
ขณะโดยลำดับ พึงกำจัดมลทินของตนได้ เหมือน
ช่างทองปัดเป่าสนิมของฉะนั้น.
3. สนิมตั้งขึ้นแต่เหล็ก ครั้นตั้งขึ้นแต่เหล็กแล้ว
ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ฉันใด กรรมทั้งหลายของตน
ย่อมนำบุคคลผู้มักประพฤติล่วงปัญญาชื่อว่า โธนา ไป
สู่ทุคติ ฉันนั้น.
4. มนต์ทั้งหลาย มีอันไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน
เรือนมีความในหมั่นเป็นมลทิน ความเกียจคร้านเป็น
มลทินของผิวพรรณ ความประมาทเป็นมลทินของ
ผู้รักษา.
5. ความประพฤติชั่วเป็นมลทินของสตรี ความ
ตระหนี่เป็นมลทินของผู้ให้ ธรรมอันลามกทั้งหลาย
เป็นมลทินแล ทั้งในโลกนี้ ทั้งในโลกหน้า เราจะบอก
มลทินอันยิ่งกว่ามลทินนั้น อวิชชาเป็นมลทินอย่างยิ่ง
ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายละมลทินนั่นได้แล้ว ย่อม
เป็นผู้หมดมลทิน.
6. อันบุคคลผู้ไม่มีความละอาย กล้าเพียงดังกา
มีปกติกำจัด (คุณผู้อื่น) มักแล่นไป (เอาหน้า) ผู้
คะนอง ผู้เศร้าหมอง เป็นอยู่ง่าย ส่วนบุคคลผู้มี
ความละอาย ผู้แสวงหากรรมอันสะอาดเป็นนิตย์ ไม่
หดหู่ ไม่คะนอง มีอาชีวะหมดจด เห็นอยู่ เป็นอยู่ยาก.
7. นระใด ย่อมยังสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป 1
กล่าวมุสาวาท 1 ถือเอาทรัพย์ที่บุคคลอื่นไม่ให้ใน
โลก 1 ถึงภริยาของผู้อื่น ๆ อนึ่ง นระใดย่อมประกอบ
เนือง ฯ ซึ่งการดื่มสุราและเมรัย นระนี้ (ชื่อว่า) ย่อม
ขุดซึ่งรากเหง้าของตนในโลกนี้ทีเดียว. บุรุษผู้เจริญ
ท่านจงทราบอย่างนี้ว่า บุคคลผู้มีบาปธรรมทั้งหลาย
ย่อมเป็นผู้ไม่สำรวมแล้ว ความโลภและสภาพมิใช่
ธรรม จงอย่ารบกวนท่าน เพื่อความทุกข์ ตลอดกาล
นานเลย.
8. ชนย่อมให้ (ทาน) ตามศรัทธา ตามความ
เลื่อมใส แลชนใดย่อมเป็นผู้เก้อเขินในเพราะน้ำและ
ข้าวของชนเหล่าอื่นนั้น ชนนั้นย่อมไม่บรรลุสมาธิใน
กลางวันหรือในกลางคืน ก็อกุศลกรรมอันบุคคลใดตัด
ขาดแล้ว ถอนขึ้นทำให้มีรากขาดแล้ว บุคคลนั้นแล
ย่อมบรรลุสมาธิ ในกลางวันหรือในกลางคืน.
9. ไฟเสมอด้วยราคะไม่มี ผู้จักเสมอด้วยโทสะ
ไม่มี ข่ายเสมอด้วยโมหะไม่มี แม่น้ำเสมอด้วย
ตัณหาไม่มี.
10. โทษของบุคคลเหล่าอื่นเห็นได้ง่าย ฝ่าย
โทษของตนเห็นได้ยาก เพราะว่าบุคคลนั้น ย่อมโปรย
โทษของบุคคลอันเหมือนบุคคลโปรยแกลบ แต่ว่า
ย่อมปกปิดโทษของตน เหมือนพรานนกปกปิดอัตภาพ
ด้วยเครื่องปกปิดฉะนั้น.
11. อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ผู้
คอยดูโทษของบุคคลอื่น ผู้มีความมุ่งหมายในอันยก
โทษเป็นนิตย์ บุคคลนั้นเป็นผู้ไกลจากความสิ้นไป
แห่งอาสวะ.
12. รอยเท้าในอากาศนั่นเทียวไม่มี สมณะ
ภายนอกไม่มี หมู่สัตว์เป็นผู้ยินดียิ่งแล้วในธรรม
เครื่องเนิ่นช้า พระตถาคตทั้งหลายไม่มีธรรมเครื่อง
เนิ่นช้า รอยเท้าในอากาศนั่นเทียวไม่มี สมณะ
ภายนอกไม่มี สังขารทั้งหลายชื่อว่าเที่ยงไม่มี กิเลส-
ชาตเครื่องหวั่นไหว ไม่มีแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
จบมลวรรคที่ 18
18. มลวรรควรรณนา
1. เรื่องบุตรของนายโคฆาตก์ [182]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุตรของ
นายโคฆาตก์คนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ปณฺฑุปลาโสว ทานิสํ
เป็นต้น.
นายโคฆาตก์สั่งให้ภรรยาปิ้งเนื้อ
ดังได้สดับมา นายโคฆาตก์คนหนึ่งในพระนครสาวัตถี ฆ่าโคแล้ว
ถือเอาเนื้อล่ำให้ปิ้งแล้ว นั่งพร้อมด้วยบุตรและภริยาเคี้ยวกินเนื้อ และ
ขายด้วยราคา. เขาทำการงานของคนฆ่าโคอยู่อย่างนั้นตลอด 55 ปี มิได้
ถวายยาคูหรือภัต แม้มาตรว่าทัพพีหนึ่งในวันหนึ่งแด่พระศาสดา ซึ่ง
ประทับอยู่ในวิหารใกล้. เขาเว้นจากเนื้อเสีย ย่อมไม่บริโภคภัต. วันหนึ่ง
เขาขายเนื้อในตอนกลางวันแล้ว ให้ก้อนเนื้อก้อนหนึ่งแก่ภริยา เพื่อปิ้ง
เพื่อประโยชน์แก่ตน แล้วได้ไปอาบน้ำ.
ลำดับนั้น สหายของเขามาสู่เรือนแล้ว พูดกะภริยาว่า " หล่อน
จงให้เนื้อที่จะพึงขายแก่ฉันหน่อยหนึ่ง, (เพราะ) แขกมาที่เรือนฉัน."
ภริยานายโคฆาตก์. เนื้อที่จะพึงขายไม่มี, สหายของท่านขายเนื้อแล้ว
บัดนี้ไปอาบน้ำ.
สหาย. อย่าทำอย่างนี้เลย, ถ้าก้อนเนื้อมี; ขอจงให้เถิด.
ภริยานายโคฆาตก์. เว้นก้อนเนื้อที่ฉันเก็บไว้เพื่อสหายของท่านแล้ว
เนื้ออื่นไม่มี.
เขาคิดว่า " เนื้ออื่นจากเนื้อที่หญิงนี้เก็บไว้เพื่อประโยชน์แก่สหาย
ของเราไม่มี, อนึ่ง สหายของเรานั้น เว้นจากเนื้อย่อมไม่บริโภค, หญิงนี้
จักไม่ให้ " จึงถือเอาเนื้อนั้นเองหลีกไป.
ฝ่ายนายโคฆาตก์อาบน้ำแล้วกลับมา, เมื่อภริยานั้นคดภัตนำเข้าไป
พร้อมกับผักต้มเพื่อตน, จึงพูดว่า " เนื้ออยู่ที่ไหน ?"
ภริยา. นาย เนื้อไม่มี.
นายโคฆาตก์. เราให้เนื้อไว้เพื่อต้องการปิ้งแล้วจึงไป มิใช่หรือ ?
ภริยา. สหายของท่านมาบอกว่า " แขกของฉันมา, หล่อนจงให้
เนื้อที่จะพึงขายแก่ฉัน," เมื่อฉันแม้ตอบว่า " เนื้ออื่นจากเนื้อที่ฉันเก็บไว้
เพื่อสหายของท่านไม่มี, อนึ่ง สหายของท่านนั้น เว้นจากเนื้อย่อมไม่
บริโภค," ก็ถือเอาเนื้อนั้นโดยพลการเองทีเดียวไปแล้ว.
นายโคฆาตก์. เราเว้นจากเนื้อ ไม่บริโภคภัต, หล่อนจงนำภัต
นั้นไป.
ภริยา. ฉันอาจทำอย่างไรได้, ขอจงบริโภคเถิด นาย.
นายโคฆาตก์ตัดลิ้นโคมาปิ้งบริโภค
นายโคฆาตก์นั้นตอบว่า " เราไม่บริโภคภัต" ให้ภริยานำภัตนั้น
ไปแล้ว, ถือมีดไปสู่สำนักโคตัวยืนอยู่ที่หลังเรือน แล้วสอดมือเข้าไป
ในปากดึงลิ้นออกมาเอามีดตัดที่โคน (ลิ้น) แล้วถือไปให้ปิ้งบนถ่านเพลิง
แล้ว วางไว้บนภัต นั่งบริโภคก้อนภัตก้อนหนึ่ง วางก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง
ไว้ในปาก. ในขณะนั้นเอง ลิ้นของเขาขาดตกลงในถาดสำหรับใส่ภัต.