เมนู

2. หตฺถินาควคฺโค

1. มาตุโปสกจริยาวณฺณนา

[1] ทุติยวคฺคสฺส ปฐเม กุญฺชโรติ หตฺถีฯ มาตุโปสโกติ อนฺธาย ชราชิณฺณาย มาตุยา ปฏิชคฺคนโกฯ มหิยาติ ภูมิยํฯ คุเณนาติ สีลคุเณน, ตทา มม สทิโส นตฺถิฯ

โพธิสตฺโต หิ ตทา หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ โส สพฺพเสโต อภิรูโป ลกฺขณสมฺปนฺโน มหาหตฺถี อเนกหตฺถิสตสหสฺสปริวาโร อโหสิฯ มาตา ปนสฺส อนฺธาฯ โส มธุรผลาผลานิ หตฺถีนํ หตฺเถสุ ทตฺวา มาตุ เปเสติฯ หตฺถิโน ตสฺสา อทตฺวา สยํ ขาทนฺติฯ โส ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ‘‘ยูถํ ปหาย มาตรเมว โปเสสฺสามี’’ติ รตฺติภาเค อญฺเญสํ หตฺถีนํ อชานนฺตานํ มาตรํ คเหตฺวา จณฺโฑรณปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา เอกํ นฬินิํ อุปนิสฺสาย ฐิตาย ปพฺพตคุหาย มาตรํ ฐเปตฺวา โปเสสิฯ

[2-3] ปวเน ทิสฺวา วนจโรติ เอโก วนจรโก ปุริโส ตสฺมิํ มหาวเน วิจรนฺโต มํ ทิสฺวาฯ รญฺโญ มํ ปฏิเวทยีติ พาราณสิรญฺโญ มํ อาโรเจสิฯ

โส หิ มคฺคมูฬฺโห ทิสํ ววตฺถเปตุํ อสกฺโกนฺโต มหนฺเตน สทฺเทน ปริเทวิฯ โพธิสตฺโตปิ ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ ปุริโส อนาโถ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, ยํ เอส มยิ ฐิเต อิธ วินสฺเสยฺยา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ภเยน ปลายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ ปุริส, นตฺถิ เต มํ นิสฺสาย ภยํ, มา ปลายิ, กสฺมา ตฺวํ ปริเทวนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สามิ, อหํ มคฺคมูฬฺโห อชฺช เม สตฺตโม ทิวโส’’ติ วุตฺเต ‘‘โภ ปุริส, มา ภายิ, อหํ ตํ มนุสฺสปเถ ฐเปสฺสามี’’ติ ตํ อตฺตโน ปิฏฺฐิยํ นิสีทาเปตฺวา อรญฺญโต นีหริตฺวา นิวตฺติฯ โสปิ ปาโป ‘‘นครํ คนฺตฺวา รญฺโญ อาโรเจสฺสามี’’ติ รุกฺขสญฺญํ ปพฺพตสญฺญญฺจ กโรนฺโตว นิกฺขมิตฺวา พาราณสิํ อคมาสิฯ ตสฺมิํ กาเล รญฺโญ มงฺคลหตฺถี มโต ฯ โส ปุริโส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา มหาปุริสสฺส อตฺตโน ทิฏฺฐภาวํ อาโรเจสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตวานุจฺฉโว, มหาราช, คโช วสติ กานเน’’ติอาทิฯ

ตตฺถ ตวานุจฺฉโวติ ตว โอปวยฺหํ กาตุํ อนุจฺฉวิโก ยุตฺโตฯ น ตสฺส ปริกฺขายตฺโถติ ตสฺส คหเณ คมนุปจฺเฉทนตฺถํ สมนฺตโต ขณิตพฺพปริกฺขาย วา กเรณุยา กณฺณปุเฏน อตฺตานํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ขิตฺตปาสรชฺชุยา พนฺธิตพฺพอาฬกสงฺขาตอาลาเนน วา ยตฺถ ปวิฏฺโฐ กตฺถจิ คนฺตุํ น สกฺโกติ, ตาทิสวญฺจนกาสุยา วา อตฺโถ ปโยชนํ นตฺถิฯ สหคหิเตติ คหณสมกาลํ เอวฯ เอหิตีติ อาคมิสฺสติฯ

ราชา อิมํ มคฺคเทสกํ กตฺวา อรญฺญํ คนฺตฺวา ‘‘อิมินา วุตฺตํ หตฺถินาคํ อาเนหี’’ติ หตฺถาจริยํ สห ปริวาเรน เปเสสิฯ โส เตน สทฺธิํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ นฬินิํ ปวิสิตฺวา โคจรํ คณฺหนฺตํ ปสฺสิฯ เตน วุตฺตํ –

[4]

‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, ราชาปิ ตุฏฺฐมานโส;

เปเสสิ หตฺถิทมกํ, เฉกาจริยํ สุสิกฺขิตํฯ

[5]

‘‘คนฺตฺวา โส หตฺถิทมโก, อทฺทส ปทุมสฺสเร;

ภิสมุฬาลํ อุทฺธรนฺตํ, ยาปนตฺถาย มาตุยา’’ติฯ

ตตฺถ เฉกาจริยนฺติ หตฺถิพนฺธนาทิวิธิมฺหิ กุสลํ หตฺถาจริยํฯ สุสิกฺขิตนฺติ หตฺถีนํ สิกฺขาปนวิชฺชาย นิฏฺฐงฺคมเนน สุฏฺฐุ สิกฺขิตํฯ

[6] วิญฺญาย เม สีลคุณนฺติ ‘‘ภทฺโท อยํ หตฺถาชานีโย น มนฺโท, น จณฺโฑ, น โวมิสฺสสีโล วา’’ติ มม สีลคุณํ ชานิตฺวาฯ กถํ? ลกฺขณํ อุปธารยีติ สุสิกฺขิตหตฺถิสิปฺปตฺตา มม ลกฺขณํ สมนฺตโต อุปธาเรสิฯ เตน โส เอหิ ปุตฺตาติ วตฺวาน, มม โสณฺฑาย อคฺคหิ

[7] โพธิสตฺโต หตฺถาจริยํ ทิสฺวา – ‘‘อิทํ ภยํ มยฺหํ เอตสฺส ปุริสสฺส สนฺติกา อุปฺปนฺนํ, อหํ โข ปน มหาพโล หตฺถิสหสฺสมฺปิ วิทฺธํเสตุํ สมตฺโถ, ปโหมิ กุชฺฌิตฺวา สรฏฺฐกํ เสนาวาหนํ นาเสตุํ, สเจ ปน กุชฺฌิสฺสามิ, สีลํ เม ภิชฺชิสฺสติ, ตสฺมา สตฺตีหิ โกฏฺฏิยมาโนปิ น กุชฺฌิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺฐาย สีสํ โอนาเมตฺวา นิจฺจโลว อฏฺฐาสิฯ เตนาห ภควา ‘‘ยํ เม ตทา ปากติกํ, สรีรานุคตํ พล’’นฺติอาทิฯ

ตตฺถ ปากติกนฺติ สภาวสิทฺธํฯ สรีรานุคตนฺติ สรีรเมว อนุคตํ กายพลํ, น อุปายกุสลตาสงฺขาตญาณานุคตนฺติ อธิปฺปาโยฯ อชฺช นาคสหสฺสานนฺติ อชฺชกาเล อเนเกสํ หตฺถิสหสฺสานํ สมุทิตานํฯ พเลน สมสาทิสนฺติ เตสํ สรีรพเลน สมสมเมว หุตฺวา สทิสํ, น อุปมามตฺเตนฯ มงฺคลหตฺถิกุเล หิ ตทา โพธิสตฺโต อุปฺปนฺโนติฯ

[8] ยทิหํ เตสํ ปกุปฺเปยฺยนฺติ มํ คหณาย อุปคตานํ เตสํ อหํ ยทิ กุชฺเฌยฺยํ, เตสํ ชีวิตมทฺทเน ปฏิพโล ภเวยฺยํฯ น เกวลํ เตสญฺเญว, อถ โข ยาว รชฺชมฺปิ มานุสนฺติ ยโต รชฺชโต เตสํ อาคตานํ มนุสฺสานํ สพฺพมฺปิ รชฺชํ โปเถตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺยํฯ

[9] อปิ จาหํ สีลรกฺขายาติ เอวํ สมตฺโถปิ จ อหํ อตฺตนิ ปติฏฺฐิตาย สีลรกฺขาย สีลคุตฺติยา คุตฺโต พนฺโธ วิยฯ น กโรมิ จิตฺเต อญฺญถตฺตนฺติ ตสฺส สีลสฺส อญฺญถตฺตภูตํ เตสํ สตฺตานํ โปถนาทิวิธิํ มยฺหํ จิตฺเต น กโรมิ, ตตฺถ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทมิฯ ปกฺขิปนฺตํ มมาฬเกติ อาลานตฺถมฺเภ ปกฺขิปนฺตํ, ‘‘ทิสฺวาปี’’ติ วจนเสโสฯ กสฺมาติ เจ, สีลปารมิปูริยา อีทิเสสุ ฐาเนสุ สีลํ อขณฺเฑนฺตสฺส เม นจิรสฺเสว สีลปารมี ปริปูเรสฺสตีติ สีลปารมิปริปูรณตฺถํ ตสฺส อญฺญถตฺตํ จิตฺเต น กโรมีติ โยชนาฯ

[10] ‘‘ยทิ เต ม’’นฺติ คาถายปิ สีลรกฺขาย ทฬฺหํ กตฺวา สีลสฺส อธิฏฺฐิตภาวเมว ทสฺเสติฯ ตตฺถ โกฏฺเฏยฺยุนฺติ ภินฺเทยฺยุํฯ สีลขณฺฑภยา มมาติ มม สีลสฺส ขณฺฑนภเยนฯ

เอวํ ปน จินฺเตตฺวา โพธิสตฺเต นิจฺจเล ฐิเต หตฺถาจริโย ปทุมสรํ โอตริตฺวา ตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ ปุตฺตา’’ติ รชตทามสทิสาย โสณฺฑาย คเหตฺวา สตฺตเม ทิวเส พาราณสิํ ปาปุณิฯ โส อนฺตรามคฺเค วตฺตมาโนว รญฺโญ สาสนํ เปเสสิฯ ราชา นครํ อลงฺการาเปสิฯ หตฺถาจริโย โพธิสตฺตํ กตคนฺธปริภณฺฑํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ หตฺถิสาลํ เนตฺวา วิจิตฺรสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา รญฺโญ อาโรเจสิฯ ราชา นานคฺครสโภชนํ อาทาย คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ทาเปสิฯ โส ‘‘มาตรํ วินา โคจรํ น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปิณฺฑํ น คณฺหิฯ ยาจิโตปิ อคฺคเหตฺวา –

‘‘สา นูนสา กปณิกา, อนฺธา อปริณายิกา;

ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิริํ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติฯ –

อาหฯ ตํ สุตฺวา ราชา –

‘‘กา นุ เต สา มหานาค, อนฺธา อปริณายิกา;

ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิริํ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติฯ – ปุจฺฉิตฺวา –

‘‘มาตา เม สา มหาราช, อนฺธา อปริณายิกา;

ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิริํ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติฯ –

วุตฺเต อชฺช สตฺตโม ทิวโส ‘‘มาตา เม โคจรํ น ลภิตฺถา’’ติ วทโต อิมสฺส โคจรํ อคณฺหนฺตสฺสฯ ตสฺมา –

‘‘มุญฺจเถตํ มหานาคํ, โยยํ ภรติ มาตรํ;

สเมตุ มาตรา นาโค, สห สพฺเพหิ ญาติภี’’ติฯ – วตฺวา มุญฺจาเปสิ –

‘‘มุตฺโต จ พนฺธนา นาโค, มุตฺตทามาย กุญฺชโร;

มุหุตฺตํ อสฺสาสยิตฺวา, อคมา เยน ปพฺพโต’’ติฯ

ตตฺถ กปณิกาติ วรากาฯ ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏตีติ อนฺธตาย ปุตฺตวิโยคทุกฺเขน จ ปริเทวมานา ตตฺถ ตตฺถ รุกฺขกฬิงฺคเร ปาเทน ฆฏฺเฏติฯ จณฺโฑรณํ ปตีติ จณฺโฑรณปพฺพตาภิมุขี, ตสฺมิํ ปพฺพตปาเท ปริพฺภมมานาติ อตฺโถฯ อคมา เยน ปพฺพโตติ โส หตฺถินาโค พนฺธนา มุตฺโต โถกํ วิสฺสมิตฺวา รญฺโญ ทสราชธมฺมคาถาหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา มหาชเนน คนฺธมาลาทีหิ ปูชิยมาโน นครา นิกฺขมิตฺวา ตทเหว มาตรา สมาคนฺตฺวา สพฺพํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิฯ สา ตุฏฺฐมานสา –

‘‘จิรํ ชีวตุ โส ราชา, กาสีนํ รฏฺฐวฑฺฒโน;

โย เม ปุตฺตํ ปโมเจสิ, สทา วุทฺธาปจายิก’’นฺติฯ (ชา. 1.11.12) –

รญฺโญ อนุโมทนํ อกาสิฯ

ราชา โพธิสตฺตสฺส คุเณ ปสีทิตฺวา นฬินิยา อวิทูเร คามํ มาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส มาตุ จสฺส นิพทฺธํ วตฺตํ ปฏฺฐเปสิ ฯ อปรภาเค โพธิสตฺโต มาตริ มตาย ตสฺสา สรีรปริหารํ กตฺวา กุรณฺฑกอสฺสมปทํ นาม คโตฯ ตสฺมิํ ปน ฐาเน หิมวนฺตโต โอตริตฺวา ปญฺจสตา อิสโย วสิํสุฯ ตํ วตฺตํ เตสํ ทตฺวา ราชา โพธิสตฺตสฺส สมานรูปํ สิลาปฏิมํ กาเรตฺวา มหาสกฺการํ ปวตฺเตสิฯ ชมฺพุทีปวาสิโน อนุสํวจฺฉรํ สนฺนิปติตฺวา หตฺถิมหํ นาม กริํสุฯ

ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, หตฺถินี มหามายา, วนจรโก เทวทตฺโต, มาตุโปสกหตฺถินาโค โลกนาโถฯ

อิธาปิ ทานปารมิอาทโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพาฯ สีลปารมี ปน อติสยวตีติ สา เอว เทสนํ อาสฺนฺฬหาฯ ตถา ติรจฺฉานโยนิยํ อุปฺปนฺโนปิ พฺรหฺมปุพฺพเทวปุพฺพาจริยอาหุเนยฺยาทิภาเวน สพฺพญฺญุพุทฺเธนปิ ปสตฺถภาวานุรูปํ มาตุยา ครุจิตฺตํ อุปฏฺฐเปตฺวา ‘‘มาตา นาเมสา ปุตฺตสฺส พหูปการา, ตสฺมา มาตุปฏฺฐานํ นาม ปณฺฑิเตน ปญฺญตฺต’’นฺติ มนสิ กตฺวา อเนเกสํ หตฺถิสหสฺสานํ อิสฺสราธิปติ มหานุภาโว ยูถปติ หุตฺวา เตหิ อนุวตฺติยมาโน เอกกวิหาเร อนฺตรายํ อคเณตฺวา ยูถํ ปหาย เอกโก หุตฺวา อุปการิเขตฺตํ ปูเชสฺสามีติ มาตุโปสนํ, มคฺคมูฬฺหปุริสํ ทิสฺวา อนุกมฺปาย ตํ คเหตฺวา มนุสฺสโคจรสมฺปาปนํ, เตน จ กตาปราธสหนํ , หตฺถาจริยปฺปมุขานํ อตฺตานํ พนฺธิตุํ อาคตปุริสานํ สมตฺโถปิ สมาโน สนฺตาสนมตฺเตนปิ เตสํ ปีฬนา ภวิสฺสติ, มยฺหญฺจ สีลสฺส ขณฺฑาทิภาโวติ ตถา อกตฺวา สุทนฺเตน โอปวยฺโห วิย สุเขเนว คหณูปคมนํ, มาตรํ วินา น กญฺจิ อชฺโฌหริสฺสามีติ สตฺตาหมฺปิ อนาหารตา, อิมินาปาหํ พนฺธาปิโตติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา ราชานํ เมตฺตาย ผรณํ, ตสฺส จ นานานเยหิ ธมฺมเทสนาติ เอวมาทโย อิธ มหาปุริสสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เอเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป.… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติฯ

มาตุโปสกจริยาวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

2. ภูริทตฺตจริยาวณฺณนา

[11] ทุติเย ภูริทตฺโตติ ภูริสมทตฺโตฯ ทตฺโตติ หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตูหิ กตํ นามํฯ ยสฺมา ปเนโส นาคภวเน วิรูปกฺขมหาราชภวเน ตาวติํสภวเน จ อุปฺปนฺเน ปญฺเห สมฺมเทว วินิจฺฉินาติ, เอกทิวสญฺจ วิรูปกฺขมหาราเช นาคปริสาย สทฺธิํ ติทสปุรํ คนฺตฺวา สกฺกํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺเน เทวานมนฺตเร ปญฺโห สมุฏฺฐาสิฯ ตํ โกจิ กเถตุํ นาสกฺขิฯ สกฺเกน ปน อนุญฺญาโต ปลฺลงฺกวรคโต หุตฺวา มหาสตฺโตว กเถสิฯ อถ นํ เทวราชา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ‘‘ทตฺต, ตฺวํ ปถวิสมาย วิปุลาย ปญฺญาย สมนฺนาคโต อิโต ปฏฺฐาย ภูริทตฺโต นามา’’ติ อาหฯ ภูรีติ หิ ปถวิยา นามํ, ตสฺมา ภูริสมตาย ภูเต อตฺเถ รมตีติ จ ภูริสงฺขาตาย มหติยา ปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา มหาสตฺโต ‘‘ภูริทตฺโต’’ติ ปญฺญายิตฺถฯ มหติยา ปน นาคิทฺธิยา สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิโก จาติฯ

อตีเต หิ อิมสฺมิํเยว กปฺเป พาราณสิรญฺโญ ปุตฺโต ปิตรา รฏฺฐโต ปพฺพาชิโต วเน วสนฺโต อญฺญตราย นาคมาณวิกาย สํวาสํ กปฺเปสิฯ เตสํ สํวาสมนฺวาย ทฺเว ทารกา ชายิํสุ – ปุตฺโต จ ธีตา จฯ ปุตฺตสฺส ‘‘สาครพฺรหฺมทตฺโต’’ติ นามํ กริํสุ ธีตาย ‘‘สมุทฺทชา’’ติฯ โส อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน พาราณสิํ คนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสิฯ อถ ธตรฏฺโฐ นาม นาคราชา ปญฺจโยชนสติเก นาคภวเน นาครชฺชํ กาเรนฺโต ตํ อภูตวาทิเกน จิตฺตจูเฬน นาม กจฺฉเปน ‘‘พาราณสิราชา อตฺตโน ธีตรํ ตุยฺหํ ทาตุกาโม, สา โข ปน ราชธีตา สมุทฺทชา นาม อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา จา’’ติ กถิตํ สุตฺวา ธตรฏฺโฐ จตฺตาโร นาคมาณวเก เปเสตฺวา ตํ ทาตุํ อนิจฺฉนฺตํ นาควิภิํสิกาย ภิํสาเปตฺวา ‘‘ทมฺมี’’ติ วุตฺเต มหนฺตํ ปณฺณาการํ เปเสตฺวา มหติยา นาคิทฺธิยา มหนฺเตน ปริวาเรน ตสฺส ธีตรํ นาคภวนํ เนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺฐาเน ฐเปสิฯ

สา อปรภาเค ธตรฏฺฐํ ปฏิจฺจ สุทสฺสโน, ทตฺโต, สุโภโค, อริฏฺโฐติ จตฺตาโร ปุตฺเต ปฏิลภิฯ