เมนู

[12] โส อรหา หุตฺวา สญฺชาตโสมนสฺโส อตฺตโน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาหฯ มญฺชุนาภินิกูชหนฺติ มธุเรน เปมนิเยน สเรน อภินิกูชิํ สทฺทํ นิจฺฉาเรสิํ อหนฺติ อตฺโถฯ เสสเมตฺถ สุวิญฺเญยฺยเมวาติฯ

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

2. กงฺขาเรวตตฺเถรอปทานวณฺณนา

[34] ทุติยาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต กงฺขาเรวตตฺเถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต, ตํ สพฺพํ ปาฐานุสาเรน สุวิญฺเญยฺยเมวาติฯ

กงฺขาเรวตตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

3. สีวลิตฺเถรอปทานวณฺณนา

ตติยาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต สีวลิตฺเถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต เหฏฺฐา วุตฺตนเยน วิหารํ คนฺตฺวา ปริสาย ปริยนฺเต ฐิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลาภีนํ อคฺคฏฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมินา อธิการกมฺเมน น อญฺญํ สมฺปตฺติํ ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อหมฺปิ ตุมฺเหหิ โส เอตทคฺเค ฐปิตภิกฺขุ วิย ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เต ปตฺถนา อนาคเต โคตมสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิฯ โส กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนครโต อวิทูเร เอกสฺมิํ คามเก นิพฺพตฺติ, ตสฺมิํ สมเย พนฺธุมตีนครวาสิโน รญฺญา สทฺธิํ สากจฺฉิตฺวา ทสพลสฺส ทานํ อทํสุฯ

เอกทิวสํ สพฺเพ เอกโต หุตฺวา ทานํ เทนฺตา ‘‘กิํ นุ โข อมฺหากํ ทานคฺเค นตฺถี’’ติ (อ. นิ. อฏฺฐ. 1.1.207; เถรคา. อฏฺฐ. 1.59 สีวลิตฺเถรคาถาวณฺณนา) โอโลเกนฺตา มธุญฺจ คุฬทธิญฺจ นาทฺทสํสุฯ เต ‘‘ยโต กุโตจิ อาหริสฺสามา’’ติ ชนปทโต นครปวิสนมคฺเคสุ ปุริเส ฐเปสุํฯ ตทา เอส กุลปุตฺโต อตฺตโน คามโต คุฬทธิวารกํ คเหตฺวา ‘‘กิญฺจิเทว อาหริสฺสามี’’ติ นครํ คจฺฉนฺโต ‘‘มุขํ โธวิตฺวา โธตหตฺถปาโท ปวิสิสฺสามี’’ติ ผาสุกฏฺฐานํ โอโลเกนฺโต นงฺคลสีสปฺปมาณํ นิมฺมกฺขิกทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ‘‘ปุญฺเญน เม อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา นครํ ปาวิสิฯ นาคเรหิ ฐปิตปุริโส ตํ ทิสฺวา, ‘‘มาริส, กสฺส อิมํ หรสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘น กสฺสจิ, สามิ, วิกฺกายิกํ เม อิท’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ อิมํ กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มธุญฺจ คุฬทธิญฺจ เทหี’’ติฯ

โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ เม น พหุํ อคฺฆติ, อยญฺจ เอกปฺปหาเรเนว พหุํ เทติ, วีมํสิสฺสามี’’ติฯ ตโต นํ อาห – ‘‘นาหํ เอกกหาปเณน เทมี’’ติฯ ‘‘ยทิ เอวํ ทฺเว กหาปเณ คเหตฺวา เทหี’’ติฯ ‘‘ทฺวีหิปิ น เทมี’’ติฯ เอเตนุปาเยน วฑฺเฒตฺวา ยาว สหสฺสํ ปาปุณิ, โส จินฺเตสิ – ‘‘อติอญฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, โหตุ ตาว อิมินา กตฺตพฺพกมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ฯ อถ นํ อาห – ‘‘น อิทํ พหุอคฺฆนกํ, ตฺวํ ปน พหุํ เทสิ, เกน กมฺเมน อิทํ คณฺหสี’’ติฯ ‘‘อิธ, โภ, นครวาสิโน รญฺญา สทฺธิํ ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา วิปสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทานํ เทนฺตา อิทํ ทฺวยํ ทานคฺเค อปสฺสนฺตา มํ ปริเยสาเปนฺติฯ สเจ อิทํ ทฺวยํ น ลภิสฺสนฺติ, นาครานํ ปราชโย ภวิสฺสติฯ ตสฺมา สหสฺสํ ทตฺวา คณฺหามี’’ติฯ ‘‘กิํ ปเนตํ นาครานํ เอว วฏฺฏติ, อุทาหุ อญฺเญสมฺปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ อวาริตเมต’’นฺติฯ ‘‘อตฺถิ ปน โกจิ นาครานํ ทาเน เอกทิวสํ สหสฺสํ ทาตา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, สมฺมา’’ติฯ ‘‘อิเมสํ เม ทฺวินฺนํ สหสฺสคฺฆนกภาวํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ คจฺฉ, นาครานํ อาโรเจหิ – ‘เอโก ปุริโส อิมานิ ทฺเว มูเลน น เทติ, ตุมฺเหหิ สทฺธิํ สหตฺเถเนว ทาตุกาโม, ตุมฺเห อิเมสํ ทฺวินฺนํ การณา นิพฺพิตกฺกา โหถา’’ติฯ