เมนู

13. ฒุพฺพริเปตวตฺถุวณฺณนา

อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโตติ อิทํ อุพฺพริเปตวตฺถุํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อญฺญตรํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ ฯ สาวตฺถิยํ กิร อญฺญตราย อุปาสิกาย สามิโก กาลมกาสิฯ สา ปติวิโยคทุกฺขาตุรา โสจนฺตี อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติฯ ภควา ตสฺสา โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา กรุณาย สญฺโจทิตมานโส หุตฺวา ตสฺสา เคหํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ อุปาสิกา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘กิํ, อุปาสิเก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภควา, ปิยวิปฺปโยเคน โสจามี’’ติ วุตฺเต ตสฺสา โสกํ อปเนตุกาโม อตีตํ อาหริฯ

อตีเต ปญฺจาลรฏฺเฐ กปิลนคเร จูฬนีพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิฯ โส อคติคมนํ ปหาย อตฺตโน วิชิเต ปชาย หิตกรณนิรโต ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา รชฺชํ อนุสาสมาโน กทาจิ ‘‘อตฺตโน รชฺเช กิํ วทนฺตี’’ติ โสตุกาโม ตุนฺนวายเวสํ คเหตฺวา เอโก อทุติโย นครโต นิกฺขมิตฺวา คามโต คามํ ชนปทโต ชนปทํ วิจริตฺวา สพฺพรชฺชํ อกณฺฏกํ อนุปปีฬํ มนุสฺเส สมฺโมทมาเน อปารุตฆเร มญฺเญ วิหรนฺเต ทิสฺวา โสมนสฺสชาโต นิวตฺติตฺวา นคราภิมุโข อาคจฺฉนฺโต อญฺญตรสฺมิํ คาเม เอกิสฺสา วิธวาย ทุคฺคติตฺถิยา เคหํ ปาวิสิฯ สา ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘โก นุ ตฺวํ, อยฺโย, กุโต วา อาคโตสี’’ติ? ‘‘อหํ ตุนฺนวาโย, ภทฺเท, ภติยา ตุนฺนวายกมฺมํ กโรนฺโต วิจรามิฯ ยทิ ตุมฺหากํ ตุนฺนวายกมฺมํ อตฺถิ, ภตฺตญฺจ เวตนญฺจ เทถ, ตุมฺหากมฺปิ กมฺมํ กโรมี’’ติฯ ‘‘นตฺถมฺหากํ กมฺมํ ภตฺตเวตนํ วา, อญฺเญสํ กโรหิ, อยฺยา’’ติฯ โส ตตฺถ กติปาหํ วสนฺโต ธญฺญปุญฺญลกฺขณสมฺปนฺนํ ตสฺสา ธีตรํ ทิสฺวา มาตรํ อาห – ‘‘อยํ ทาริกา กิํ เกนจิ กตปริคฺคหา, อุทาหุ อกตปริคฺคหาฯ สเจ ปน เกนจิ อกตปริคฺคหา, อิมํ มยฺหํ เทถ, อหํ ตุมฺหากํ สุเขน ชีวนูปายํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติฯ ‘‘สาธุ, อยฺยา’’ติ สา ตสฺส ตํ อทาสิฯ

โส ตาย สทฺธิํ กติปาหํ วสิตฺวา ตสฺสา กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อหํ กติปาเหเนว นิวตฺติสฺสามิฯ

ภทฺเท , ตฺวํ มา อุกฺกณฺฐสี’’ติ วตฺวา อตฺตโน นครํ คนฺตฺวา, นครสฺส จ ตสฺส คามสฺส จ อนฺตเร มคฺคํ สมํ การาเปตฺวา อลงฺการาเปตฺวา มหตา ราชานุภาเวน ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ทาริกํ กหาปณราสิมฺหิ ฐเปตฺวา สุวณฺณรชตกลเสหิ นฺหาเปตฺวา ‘‘อุพฺพรี’’ติ นามํ การาเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺฐาเน ฐเปตฺวา ตญฺจ คามํ ตสฺสา ญาตีนํ ทตฺวา มหตา ราชานุภาเวน ตํ นครํ อาเนตฺวา ตาย สทฺธิํ อภิรมมาโน ยาวชีวํ รชฺชสุขํ อนุภวิตฺวา อายุปริโยสาเน กาลมกาสิฯ กาลกเต จ ตสฺมิํ, กเต จ สรีรกิจฺเจ อุพฺพรี ปติวิโยเคน โสกสลฺลสมปฺปิตหทยา อาฬาหนํ คนฺตฺวา พหู ทิวเส คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา รญฺโญ คุเณ กิตฺเตตฺวา อุมฺมาทปฺปตฺตา วิย กนฺทนฺตี ปริเทวนฺตี อาฬาหนํ ปทกฺขิณํ กโรติฯ

เตน จ สมเยน อมฺหากํ ภควา โพธิสตฺตภูโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อธิคตชฺฌานาภิญฺโญ หิมวนฺตสฺส สามนฺตา อญฺญตรสฺมิํ อรญฺญายตเน วิหรนฺโต โสกสลฺลสมปฺปิตํ อุพฺพริํ ทิพฺเพน จกฺขุนา ทิสฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา ทิสฺสมานรูโป อากาเส ฐตฺวา ตตฺถ ฐิเต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺสิทํ อาฬาหนํ, กสฺสตฺถาย จายํ อิตฺถี ‘พฺรหฺมทตฺต, พฺรหฺมทตฺตา’ติ กนฺทนฺตี ปริเทวตี’’ติฯ ตํ สุตฺวา มนุสฺสา ‘‘พฺรหฺมทตฺโต นาม ปญฺจาลานํ ราชา, โส อายุปริโยสาเน กาลมกาสิ, ตสฺสิทํ อาฬาหนํ, ตสฺส อยํ อคฺคมเหสี อุพฺพรี นาม ‘พฺรหฺมทตฺต, พฺรหฺมทตฺตา’ติ ตสฺส นามํ คเหตฺวา กนฺทนฺตี ปริเทวตี’’ติ อาหํสุฯ ตมตฺถํ ทีเปนฺตา สงฺคีติการา –

[368]

‘‘อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโต, ปญฺจาลานํ รเถสโภ;

อโหรตฺตานมจฺจยา, ราชา กาลมกฺรุพฺพถฯ

[369]

‘‘ตสฺส อาฬาหนํ คนฺตฺวา, ภริยา กนฺทติ อุพฺพริ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทติฯ

[370]

‘‘อิสิ จ ตตฺถ อาคจฺฉิ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;

โส จ ตตฺถ อปุจฺฉิตฺถ, เย ตตฺถ สุ สมาคตาฯ

[371]

‘‘‘กสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;

กสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปติํ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทติ’ฯ

[372]

‘‘เต จ ตตฺถ วิยากํสุ, เย ตตฺถ สุ สมาคตา;

พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทนฺเต, พฺรหฺมทตฺตสฺส มาริสฯ

[373]

‘‘ตสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;

ตสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปติํ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทตี’’ติฯ – ฉ คาถา ฐเปสุํ;

[368-9] ตตฺถ อหูติ อโหสิฯ ปญฺจาลานนฺติ ปญฺจาลรฏฺฐวาสีนํ, ปญฺจาลรฏฺฐสฺเสว วาฯ เอโกปิ หิ ชนปโท ชนปทิกานํ ราชกุมารานํ วเสน รุฬฺหิยา ‘‘ปญฺจาลาน’’นฺติ พหุวจเนน นิทฺทิสียติฯ รเถสโภติ รเถสุ อุสภสทิโส, มหารโถติ อตฺโถฯ ตสฺส อาฬาหนนฺติ ตสฺส รญฺโญ สรีรสฺส ทฑฺฒฏฺฐานํฯ

[370] อิสีติ ฌานาทีนํ คุณานํ เอสนฏฺเฐน อิสิฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อุพฺพริยา ฐิตฏฺฐาเน, สุสาเนติ อตฺโถฯ อาคจฺฉีติ อคมาสิฯ สมฺปนฺนจรโณติ สีลสมฺปทา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตญฺญุตา, ชาคริยานุโยโค, สทฺธาทโย สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ รูปาวจรฌานานีติ อิเมหิ ปนฺนรสหิ จรณสงฺขาเตหิ คุเณหิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, จรณสมฺปนฺโนติ อตฺโถฯ มุนีติ อตฺตหิตญฺจ ปรหิตญฺจ มุนาติ ชานาตีติ มุนิฯ โส จ ตตฺถ อปุจฺฉิตฺถาติ โส ตสฺมิํ ฐาเน ฐิเต ชเน ปฏิปุจฺฉิฯ เย ตตฺถ สุ สมาคตาติ เย มนุสฺสา ตตฺถ สุสาเน สมาคตาฯ สูติ นิปาตมตฺตํฯ ‘‘เย ตตฺถาสุํ สมาคตา’’ติ วา ปาโฐฯ อาสุนฺติ อเหสุนฺติ อตฺโถฯ

[371] นานาคนฺธสเมริตนฺติ นานาวิเธหิ คนฺเธหิ สมนฺตโต เอริตํ อุปวาสิตํฯ อิโตติ มนุสฺสโลกโตฯ ทูรคตนฺติ ปรโลกํ คตตฺตา วทติฯ พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทตีติ พฺรหฺมทตฺตาติ เอวํ นามสํกิตฺตนํ กตฺวา ปริเทวนวเสน อวฺหายติฯ

[372-3] พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทนฺเต, พฺรหฺมทตฺตสฺส มาริสาติ มาริส, นิรามยกายจิตฺต มหามุนิ พฺรหฺมทตฺตสฺส รญฺโญ อิทํ อาฬาหนํ, ตสฺเสว พฺรหฺมทตฺตสฺส รญฺโญ อยํ ภริยา, ภทฺทํ เต ตสฺส จ พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทํ โหตุ, ตาทิสานํ มเหสีนํ หิตานุจินฺตเนน ปรโลเก ฐิตานมฺปิ หิตสุขํ โหติเยวาติ อธิปฺปาโยฯ

อถ โส ตาปโส เตสํ วจนํ สุตฺวา อนุกมฺปํ อุปาทาย อุพฺพริยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺสา โสกวิโนทนตฺถํ –

[374]

‘‘ฉฬาสีติสหสฺสานิ, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;

อิมสฺมิํ อาฬาหเน ทฑฺฒา, เตสํ กมนุโสจสี’’ติฯ –

คาถมาห ฯ ตตฺถ ฉฬาสีติสหสฺสานีติ ฉสหสฺสาธิกอสีติสหสฺสสงฺขาฯ พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกาติ พฺรหฺมทตฺโตติ เอวํนามกาฯ เตสํ กมนุโสจสีติ เตสํ ฉฬาสีติสหสฺสสงฺขาตานํ พฺรหฺมทตฺตานํ กตมํ พฺรหฺมทตฺตํ ตฺวํ อนุโสจสิ, กตมํ ปฏิจฺจ เต โสโก อุปฺปนฺโนติ ปุจฺฉิฯ

เอวํ ปน เตน อิสินา ปุจฺฉิตา อุพฺพรี อตฺตนา อธิปฺเปตํ พฺรหฺมทตฺตํ อาจิกฺขนฺตี –

[375]

‘‘โย ราชา จูฬนีปุตฺโต, ปญฺจาลานํ รเถสโภ;

ตํ ภนฺเต อนุโสจามิ, ภตฺตารํ สพฺพกามท’’นฺติฯ –

คาถมาหฯ ตตฺถ จูฬนีปุตฺโตติ เอวํนามสฺส รญฺโญ ปุตฺโตฯ สพฺพกามทนฺติ มยฺหํ สพฺพสฺส อิจฺฉิติจฺฉิตสฺส ทาตารํ, สพฺเพสํ วา สตฺตานํ อิจฺฉิตทายกํฯ

เอวํ อุพฺพริยา วุตฺเต ปุน ตาปโส –

[376]

‘‘สพฺเพวาเหสุํ ราชาโน, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;

สพฺเพว จูฬนีปุตฺตา, ปญฺจาลานํ รเถสภาฯ

[377]

‘‘สพฺเพสํ อนุปุพฺเพน, มเหสิตฺตมการยิ;

กสฺมา ปุริมเก หิตฺวา, ปจฺฉิมํ อนุโสจสี’’ติฯ – คาถาทฺวยมาห;

[376] ตตฺถ สพฺเพวาเหสุนฺติ สพฺเพว เต ฉฬาสีติสหสฺสสงฺขา ราชาโน พฺรหฺมทตฺตสฺส นามกา จูฬนีปุตฺตา ปญฺจาลานํ รเถสภาว อเหสุํฯ อิเม ราชภาวาทโย วิเสสา เตสุ เอกสฺสาปิ นาเหสุํฯ

[377] มเหสิตฺตมการยีติ ตฺวญฺจ เตสํ สพฺเพสมฺปิ อนุปุพฺเพน อคฺคมเหสิภาวํ อกาสิ, อนุปฺปตฺตาติ อตฺโถฯ

กสฺมาติ คุณโต จ สามิกภาวโต จ อวิสิฏฺเฐสุ เอตฺตเกสุ ชเนสุ ปุริมเก ราชาโน ปหาย ปจฺฉิมํ เอกํเมว กสฺมา เกน การเณน อนุโสจสีติ ปุจฺฉิฯ

ตํ สุตฺวา อุพฺพรี สํเวคชาตา ปุน ตาปสํ –

[378]

‘‘อาตุเม อิตฺถิภูตาย, ทีฆรตฺตาย มาริส;

ยสฺสา เม อิตฺถิภูตาย, สํสาเร พหุภาสสี’’ติฯ –

คาถมาหฯ ตตฺถ อาตุเมติ อตฺตนิฯ อิตฺถิภูตายาติ อิตฺถิภาวํ อุปคตายฯ ทีฆรตฺตายาติ ทีฆรตฺตํฯ อยญฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อิตฺถิภูตาย อตฺตนิ สพฺพกาลํ อิตฺถีเยว โหติ, อุทาหุ ปุริสภาวมฺปิ อุปคจฺฉตีติฯ ยสฺสา เม อิตฺถิภูตายาติ ยสฺสา มยฺหํ อิตฺถิภูตาย เอวํ ตาว พหุสํสาเร มเหสิภาวํ มหามุนิ ตฺวํ ภาสสิ กเถสีติ อตฺโถฯ ‘‘อาหุ เม อิตฺถิภูตายา’’ติ วา ปาโฐฯ ตตฺถ อาติ อนุสฺสรณตฺเถ นิปาโตฯ อาหุ เมติ สยํ อนุสฺสริตํ อญฺญาตมิทํ มยา, อิตฺถิภูตาย อิตฺถิภาวํ อุปคตาย เอวํ มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ อปราปรุปฺปตฺติ อโหสิฯ กสฺมา? ยสฺมา ยสฺสา เม อิตฺถิภูตาย สพฺเพสํ อนุปุพฺเพน มเหสิตฺตมการยิ, กิํ ตฺวํ, มหามุนิ, สํสาเร พหุํ ภาสสีติ โยชนาฯ

ตํ สุตฺวา ตาปโส อยํ นิยโม สํสาเร นตฺถิ ‘‘อิตฺถี อิตฺถีเยว โหติ, ปุริโส ปุริโส เอวา’’ติ ทสฺเสนฺโต –

[379]

‘‘อหุ อิตฺถี อหุ ปุริโส, ปสุโยนิมฺปิ อาคมา;

เอวเมตํ อตีตานํ, ปริยนฺโต น ทิสฺสตี’’ติฯ –

คาถมาหฯ ตตฺถ อหุ อิตฺถี อหุ ปุริโสติ ตฺวํ กทาจิ อิตฺถีปิ อโหสิ, กทาจิ ปุริโสปิ อโหสิฯ น เกวลํ อิตฺถิปุริสภาวเมว, อถ โข ปสุ โยนิมฺปิ อคมาสิ, กทาจิ ปสุภาวมฺปิ อคมาสิ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ อุปคตา อโหสิฯ เอวเมตํ อตีตานํ, ปริยนฺโต น ทิสฺสตีติ เอวํ ยถาวุตฺตํ เอตํ อิตฺถิภาวํ ปุริสภาวํ ติรจฺฉานาทิภาวญฺจ อุปคตานํ อตีตานํ อตฺตภาวานํ ปริยนฺโต ญาณจกฺขุนา มหตา อุสฺสาเหน ปสฺสนฺตานมฺปิ น ทิสฺสติฯ

น เกวลํ ตเวว, อถ โข สพฺเพสมฺปิ สํสาเร ปริพฺภมนฺตานํ สตฺตานํ อตฺตภาวสฺส ปริยนฺโต น ทิสฺสเตว น ปญฺญายเตวฯ เตนาห ภควา –

‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร, ปุพฺพา โกฏิ น ปญฺญายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. 2.124)ฯ

เอวํ เตน ตาปเสน สํสารสฺส อปริยนฺตตํ กมฺมสฺสกตญฺจ วิภาเวนฺเตน เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา สํสาเร สํวิคฺคหทยา ธมฺเม จ ปสนฺนมานสา วิคตโสกสลฺลา หุตฺวา อตฺตโน ปสาทํ โสกวิคมนญฺจ ปกาเสนฺตี –

[380]

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิญฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํฯ

[381]

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตาย, ปติโสกํ อปานุทิฯ

[382]

‘‘สาหํ อพฺพูฬฺหสลฺลาสฺมิ, สีติภูตาสฺมิ นิพฺพุตา;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวา มหามุนี’’ติฯ –

ติสฺโส คาถา อภาสิฯ ตาสํ อตฺโถ เหฏฺฐา วุตฺโตเยวฯ

อิทานิ สํวิคฺคหทยาย อุพฺพริยา ปฏิปตฺติํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา –

[383]

‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, สมณสฺส สุภาสิตํ;

ปตฺตจีวรมาทาย, ปพฺพชิ อนคาริยํฯ

[384]

‘‘สา จ ปพฺพชิตา สนฺตา, อคารสฺมา อนคาริยํ;

เมตฺตจิตฺตํ อาภาเวสิ, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาฯ

[385]

‘‘คามา คามํ วิจรนฺตี, นิคเม ราชธานิโย;

อุรุเวฬา นาม โส คาโม, ยตฺถ กาลมกฺรุพฺพถฯ

[386]

‘‘เมตฺตจิตฺตํ อาภาเวตฺวา, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา;

อิตฺถิจิตฺตํ วิราเชตฺวา, พฺรหฺมโลกูปคา อหู’’ติฯ – จตสฺโส คาถา อภาสิ;

[383-4] ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส ตาปสสฺสฯ สุภาสิตนฺติ สุฏฺฐุ ภาสิตํ, ธมฺมนฺติ อตฺโถฯ ปพฺพชิตา สนฺตาติ ปพฺพชฺชํ อุปคตา สมานา, ปพฺพชิตฺวา วา หุตฺวา สนฺตกายวาจาฯ เมตฺตจิตฺตนฺติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํฯ จิตฺตสีเสน เมตฺตชฺฌานํ วทติฯ พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาติ ตญฺจ สา เมตฺตจิตฺตํ ภาเวนฺตี พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา อภาเวสิ, น วิปสฺสนาปาทกาทิอตฺถํฯ อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺเธ พฺรหฺมวิหาราทิเก ภาเวนฺตา ตาปสปริพฺพาชกา ยาวเทว ภวสมฺปตฺติอตฺถเมว ภาเวสุํฯ

[385-6] คามา คามนฺติ คามโต อญฺญํ คามํฯ อาภาเวตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา พฺรูเหตฺวาฯ ‘‘อภาเวตฺวา’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ อ-กาโร นิปาตมตฺตํฯ อิตฺถิจิตฺตํ วิราเชตฺวาติ อิตฺถิภาเว จิตฺตํ อชฺฌาสยํ อภิรุจิํ วิราเชตฺวา อิตฺถิภาเว วิรตฺตจิตฺตา หุตฺวาฯ พฺรหฺมโลกูปคาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน พฺรหฺมโลกํ อุปคมนกา อโหสิฯ เสสํ เหฏฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวฯ

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ตสฺสา อุปาสิกาย โสกํ วิโนเทตฺวา อุปริ จตุสจฺจเทสนํ อกาสิฯ สจฺจปริโยสาเน สา อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺฐหิฯ สมฺปตฺตปริสาย จ เทสนา สาตฺถิกา อโหสีติฯ

อุพฺพริเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

อิติ ขุทฺทก-อฏฺฐกถาย เปตวตฺถุสฺมิํ

เตรสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส

ทุติยสฺส อุพฺพริวคฺคสฺส อตฺถสํวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

3. จูฬวคฺโค

1. อภิชฺชมานเปตวตฺถุวณฺณนา

อภิชฺชมาเน วาริมฺหีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต อญฺญตรํ ลุทฺทเปตํ อารพฺภ วุตฺตํฯ พาราณสิยํ กิร อปรทิสาภาเค ปารคงฺคาย วาสภคามํ อติกฺกมิตฺวา จุนฺทฏฺฐิลนามเก คาเม เอโก ลุทฺทโก อโหสิฯ โส อรญฺเญ มิเค วธิตฺวา วรมํสํ องฺคาเร ปจิตฺวา ขาทิตฺวา อวเสสํ ปณฺณปุเฏ พนฺธิตฺวา กาเชน คเหตฺวา คามํ อาคจฺฉติฯ ตํ พาลทารกา คามทฺวาเร ทิสฺวา ‘‘มํสํ เม เทหิ, มํสํ เม เทหี’’ติ หตฺเถ ปสาเรตฺวา อุปธาวนฺติฯ โส เตสํ โถกํ โถกํ มํสํ เทติฯ อเถกทิวสํ มํสํ อลภิตฺวา อุทฺทาลกปุปฺผํ ปิฬนฺธิตฺวา พหุญฺจ หตฺเถน คเหตฺวา คามํ คจฺฉนฺตํ ตํ ทารกา คามทฺวาเร ทิสฺวา ‘‘มํสํ เม เทหิ, มํสํ เม เทหี’’ติ หตฺเถ ปสาเรตฺวา อุปธาวิํสุฯ โส เตสํ เอเกกํ ปุปฺผมญฺชริํ อทาสิฯ

อถ อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺโต นคฺโค วิรูปรูโป ภยานกทสฺสโน สุปิเนปิ อนฺนปานํ อชานนฺโต สีเส อาพนฺธิตอุทฺทาลกกุสุมมาลากลาโป ‘‘จุนฺทฏฺฐิลายํ ญาตกานํ สนฺติเก กิญฺจิ ลภิสฺสามี’’ติ คงฺคาย อุทเก อภิชฺชมาเน ปฏิโสตํ ปทสา คจฺฉติฯ เตน จ สมเยน โกลิโย นาม รญฺโญ พิมฺพิสารสฺส มหามตฺโต กุปิตํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปฏินิวตฺเตนฺโต หตฺถิอสฺสาทิปริวารพลํ ถลปเถน เปเสตฺวา สยํ คงฺคาย นทิยา อนุโสตํ นาวาย อาคจฺฉนฺโต ตํ เปตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปุจฺฉนฺโต –

[387]

‘‘อภิชฺชมาเน วาริมฺหิ, คงฺคาย อิธ คจฺฉสิ;

นคฺโค ปุพฺพทฺธเปโตว, มาลธารี อลงฺกโต;

กุหิํ คมิสฺสสิ เปต, กตฺถ วาโส ภวิสฺสตี’’ติฯ –

คาถมาหฯ ตตฺถ อภิชฺชมาเนติ ปทนิกฺเขเปน อภิชฺชมาเน สงฺฆาเต, วาริมฺหิ คงฺคายาติ คงฺคาย นทิยา อุทเกฯ อิธาติ อิมสฺมิํ ฐาเนฯ