เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 6.นเหตุสเหตุกทุกะ 7.ปัญหาวาร
จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ รูปา-
ยตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ
โดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะพิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่
โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ
หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส
จึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
จึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุด้วยเจโตปริยญาณ
ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพ-
นิวาสานุสสติญาณ และอนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุและไม่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (2)

อธิปติปัจจัย
[178] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี 2 อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
พิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (1)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :96 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 6.นเหตุสเหตุกทุกะ 7.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็น
เหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
และที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอธิปติปัจจัย (3)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะพิจารณา
นิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค
และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุและไม่มีเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลิน
จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (1)

อนันตรปัจจัย
[179] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็น
ปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดย
อนันตรปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่
ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ภวังคจิตที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัย
แก่อาวัชชนจิต ภวังคจิตที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยอนันตรปัจจัย (2)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :97 }