เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 1.เหตุทุกะ 7.ปัญหาวาร

มัคคปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี 1 วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี 2 วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี 2 วาระ

ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวาร ปัจจยวาร และนิสสยวาร มีวาระเหมือนกับปฏิจจวารนั่นเอง
เมื่อจบมหาภูตรูปแล้ว พึงเพิ่มคำว่า “ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัย” พึงเพิ่มให้เหมือน
กับอายตนะ 5 ที่ได้ทั้งในอนุโลมและปัจจนียะ สังสัฏฐวารและสัมปยุตตวาร บริบูรณ์แล้ว
รูปไม่มี มีแต่อรูปอย่างเดียว)

1. เหตุทุกะ 7. ปัญหาวาร
1. ปัจจยานุโลม 1. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[17] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะโดยเหตุปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) โลภะ
เป็นปัจจัยแก่โมหะโดยเหตุปัจจัย โทสะเป็นปัจจัยแก่โมหะโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (2)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) โลภะเป็นปัจจัยแก่โมหะ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (3))

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :9 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 1.เหตุทุกะ 7.ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[18] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ เหตุจึงเกิดขึ้น (1)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุจึงเกิดขึ้น (2)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ เหตุและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (3)
[19] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้น
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน พระอริยะออก
จากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัย
แก่โคตรภู โวทาน มรรค ผลและอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณา
กิเลสที่ไม่เป็นเหตุซึ่งละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคล
เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพ-
โสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเหตุด้วยเจโตปริยญาณ
อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็น
ปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอารัมมณปัจจัย ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็น
ปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ
อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ บุคคลให้ทาน ... (มีเฉพาะข้อความตอนต้นเท่านั้น ไม่มีอาวัชชนจิต ไม่มี
ข้อความนี้ว่า รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ) (2)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :10 }