เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 26.คันถทุกะ 7.ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจาก
มรรค ฯลฯ พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน
มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ
ขันธ์ที่ไม่เป็นคันถะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลิน
จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดยอธิปติปัจจัย
มี 2 อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลินจักษุ
ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่ไม่เป็นคันถะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความ
ยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ
จึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่คันถะโดย
อธิปติปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็น
คันถะโดยอธิปติปัจจัย มี 2 อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่เป็น
คันถะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น คันถะและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
คันถะและจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (3)
[24] สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
คันถะโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ มี 3 วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :341 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 26.คันถทุกะ 7.ปัญหาวาร
อนันตรปัจจัย
[25] สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ คันถะที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่เป็นคันถะ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ คันถะที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นคันถะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
คันถะเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ คันถะที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่คันถะและสัมปยุตตขันธ์ที่
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (3)
[26] สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะโดย
อนันตรปัจจัย มี 3 วาระ (พึงเพิ่มอาวัชชนจิตทั้ง 2 ไม่มีนัยที่ 1)
สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดย
อนันตรปัจจัย มี 3 วาระ (พึงเพิ่มวุฏฐานะอย่างเดียว ในท่ามกลางก็พึงเพิ่ม)

สมนันตรปัจจัยเป็นต้น
[27] สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดย
สมนันตรปัจจัย มี 9 วาระ เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี 9 วาระ เป็นปัจจัย
โดยอัญญมัญญปัจจัย มี 9 วาระ เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี 9 วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[28] สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ คันถะเป็นปัจจัยแก่คันถะโดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :342 }