เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 16. มัคคารัมมณติกะ 7. ปัญหาวาร

นัตถิปัจจัย มี 9 วาระ
วิคตปัจจัย มี 9 วาระ
อวิคตปัจจัย มี 17 วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

2. ปัจจนียุทธาร
[49] สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็น
อารมณ์โดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอธิบดี
โดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์
และที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (3)
[50] สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุ
โดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์โดย
อารัมมณปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (3)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์และ
ที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยอารัมมณปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (4)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุและที่มี
มรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (5)
[51] สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็น
อธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (1)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :545 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 16. มัคคารัมมณติกะ 7. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุโดย
สหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (3)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์
และที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (4)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุและ
ที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (5)
[52] สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์และที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์โดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์และที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์และที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีมรรคเป็นอารมณ์และที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (3)
[53] สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุและที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่มีมรรคเป็นอารมณ์โดยอารัมมณปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุและที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีมรรคเป็นเหตุโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุและที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (3)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุและที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีมรรคเป็นอารมณ์และที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยอุปนิสสยปัจจัย (4)
สภาวธรรมที่มีมรรคเป็นเหตุและที่มีมรรคเป็นอธิบดีเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีมรรคเป็นเหตุและที่มีมรรคเป็นอธิบดีโดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (5)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :546 }