เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 8. ทัสสเนนปหาตัพพติกะ 7. ปัญหาวาร
[72] สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิด
เพลินราคะที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลิน
ราคะนั้น ราคะที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น อุทธัจจะจึงเกิดขึ้น
โทมนัสที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น เพราะปรารภอุทธัจจะ
อุทธัจจะจึงเกิดขึ้น โทมนัสที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น เพราะ
ปรารภโทมนัสที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โทมนัสที่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น อุทธัจจะจึงเกิดขึ้น (1)
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลิน
ราคะที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินราคะ
นั้น ราคะที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น วิจิกิจฉา
จึงเกิดขึ้น โทมนัสที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคจึงเกิดขึ้นเพราะปรารภ
อุทธัจจะ ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น วิจิกิจฉาจึงเกิดขึ้น โทมนัสที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติ-
มรรคจึงเกิดขึ้นเพราะปรารภโทมนัสที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โทมนัสที่
ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น วิจิกิจฉาจึงเกิดขึ้น (2)
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่
พระอริยะพิจารณากิเลสที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 ซึ่งละได้แล้ว พิจารณา
กิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น เห็นแจ้งขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้อง
บน 3 โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่ง
พร้อมด้วยจิตที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 ด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่ต้อง
ประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติ-
ญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (3)
[73] สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :198 }