เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 6. วิตักกติกะ 7. ปัญหาวาร
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็น
อนัตตา ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุนั้น ราคะจึง
เกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งโสตะ ... ฆานะ ... ชิวหา ... กาย
... รูป ... เสียง ... กลิ่น ...รส ... โผฏฐัพพะ ... หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีทั้ง
วิตกและวิจารโดยอัตถิปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจาร
โดยอัตถิปัจจัย มี 2 อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ วิจารเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารโดยอัตถิปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ วิจารเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารโดยอัตถิปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารและวิตกโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นอนัตตา ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุนั้น วิตกจึง
เกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งโสตะ ... ฆานะ ... ชิวหา ... กาย ... รูป ... เสียง ...
กลิ่น ... รส ... โผฏฐัพพะ ... หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินโสตะเป็นต้นนั้น วิตกจึงเกิดขึ้น
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารและวิตกโดยอัตถิปัจจัย (3)
สภาวธรรมที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจาร
และที่ไม่มีทั้งวิตกวิจารโดยอัตถิปัจจัย มี 2 อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ วิจารเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารและจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ วิจารเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกมีเพียง
วิจารและกฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารและวิจารโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารและวิจาร
โดยอัตถิปัจจัย (4)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :112 }