เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 3. เถราปทาน 6. อุปาลิเถราปทาน
[538] พระองค์มีสุญญตวิหารธรรม(ธรรมเป็นเครื่องอยู่อันว่าง)
อนิมิตตวิหารธรรม(ธรรมเป็นเครื่องอยู่ไม่มีนิมิต)
อัปปณิหิตวิหารธรรม(ธรรมเป็นเครื่องอยู่ไม่มีความตั้งปรารถนา)
อาเนญชวิหารธรรม1(ธรรมเป็นเครื่องอยู่ไม่หวั่นไหว)
นิโรธวิหารธรรม2(ธรรมเป็นเครื่องอยู่คือความดับ) นี้เป็นธรรมกุฎี
[539] พระเถระผู้เลิศด้วยปัญญา ที่ทรงแต่งตั้งไว้
ฉลาดในปฏิภาณ มีนามว่าสารีบุตร
เป็นจอมทัพธรรมของพระองค์
[540] ข้าแต่พระมุนี พระเถระผู้ฉลาดในจุติและปฏิสนธิ
ถึงความสำเร็จแห่งฤทธิ์ มีนามว่าโกลิตะ (โมคคัลลานะ)
เป็นปุโรหิตของพระองค์
[541] ข้าแต่พระมุนี พระเถระผู้ดำรงวงศ์เก่าแก่
มีเดชแผ่ไป หาผู้กระทบกระทั่งได้ยาก
เป็นผู้เลิศด้วยธุดงค์คุณ(มีนามว่ากัสสปะ)เป็นผู้พิพากษาของพระองค์
[542] ข้าแต่พระมุนี พระเถระผู้เป็นพหูสูต ผู้ทรงธรรม
เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุผู้สวดสาธยายทุกรูป3 ในศาสนา
มีนามว่าอานนท์ เป็นผู้รักษาธรรมของพระองค์
[543] พระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ทรงละพระเถระเหล่านี้ทุกรูป
ทรงมุ่งเฉพาะข้าพระองค์ แล้วทรงประทานการวินิจฉัยวินัย
ซึ่งบัณฑิตผู้รู้แสดงไว้แล้วแก่ข้าพระองค์

เชิงอรรถ :
1 อาเนญชวิหารธรรม หมายถึงสามัญผล (ผลแห่งความเป็นสมณะ) 4 ที่ไม่เปลี่ยนแปลง (คือโสดาปัตติ-
ผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตตผล (ขุ.อป.อ. 1/538/346), ที.ปา. 11/354/246
2 นิโรธ ในที่นี้หมายถึงพระนิพพานเป็นที่ดับทุกข์ทั้งปวง (ขุ.อป.อ. 1538/346)
3 เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุผู้สวดสาธยายทุกรูป แปลมาจากศัพท์ สพฺพปาฐิ (ขุ.อป.อ. 1/542/347)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :82 }