เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 3. เถราปทาน 6. อุปาลิเถราปทาน
[471] ข้าพเจ้าทราบเวลาที่พระองค์ประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว
จึงอังคาสให้อิ่มหนำ
ทราบเวลาที่เสวยเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้กราบทูลคำนี้ว่า
[472] อารามชื่อโสภณะข้าพระองค์จ่ายทรัพย์หนึ่งแสนซื้อมา
ได้สร้างจนเสร็จเรียบร้อยด้วยทรัพย์จำนวนเท่านั้นเช่นกัน
ข้าแต่พระมุนี ขอพระองค์ทรงรับเถิด
[473] ด้วยการถวายพระอารามแห่งนี้และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
เมื่อข้าพระองค์บังเกิดในภพ
ขอจงได้สิ่งที่ข้าพระองค์ปรารถนาเถิด
[474] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับสังฆาราม
ที่ข้าพเจ้าสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ประทับนั่งท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว ได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
[475] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ได้ถวายสังฆาราม
ซึ่งสร้าง(กุฏิ ที่เร้น มณฑป ปราสาท เรือนโล้น และกำแพงเป็นต้น)
เสร็จเรียบร้อยแล้วแด่พระพุทธเจ้า
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[476] กองทัพ 4 เหล่า คือ พลช้าง พลม้า
พลรถ และพลเดินเท้า จะแวดล้อมผู้นี้เป็นนิตย์
นี้เป็นผลแห่งการถวายสังฆาราม
[477] เครื่องดนตรี 60,000 ชิ้น
กลองที่ประดับตกแต่งสวยงาม จะแวดล้อมผู้นี้เป็นนิตย์
นี้เป็นผลแห่งการถวายสังฆาราม
[478] สาวรุ่น 86,000 นาง ผู้ประดับตกแต่งสวยงาม
สวมใส่ผ้าอาภรณ์อย่างงดงาม ห้อยตุ้มหูแก้วมณี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :72 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [1. พุทธวรรค] 3. เถราปทาน 6. อุปาลิเถราปทาน
[479] มีหน้ากลมโต1 มีปกติร่าเริง รูปร่างงาม
เอวเล็กเอวบาง จักแวดล้อมผู้นี้เป็นนิตย์
นี้เป็นผลแห่งการถวายสังฆาราม
[480] ผู้นี้จักรื่นรมย์ในเทวโลกตลอด 30,000 กัป
จักเป็นจอมเทพครองเทวสมบัติ 1,000 ชาติ
[481] จักได้สิ่งของทุกอย่างที่ท้าวเทวราชจะพึงได้
เป็นผู้มีโภคทรัพย์ไม่รู้จักพร่อง ครองเทวสมบัติ
[482] จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในแว่นแคว้น 1,000 ชาติ
เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
[483] ในกัปที่ 100,000 กัป
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[484] ท่านผู้นี้จักมีนามว่าอุบาลี
เป็นธรรมทายาท เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต
เป็นสาวกของพระศาสดาพระองค์นั้น
[485] จักถึงความสำเร็จในวินัย เป็นผู้ฉลาดในฐานะและมิใช่ฐานะ2
ดำรงศาสนาของพระชินเจ้าไว้ได้ อยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
[486] พระผู้มีพระภาคผู้โคดมศากยะผู้ประเสริฐ
ทรงทราบความนั้นทั้งหมดแล้ว
ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
จักทรงตั้ง(อุบาลี)ไว้ในเอตทัคคะ

เชิงอรรถ :
1 มีหน้ากลมโต ในที่นี้แปลตามบาลี อาฬารมุขา แต่อรรถกถาเป็น อาฬารปมฺหา (ขุ.อป.อ. 1/479/335)
และข้ออื่น ๆ ในเล่มเดียวกัน เช่นข้อ 95/105,76/429 เป็น อาฬารปมฺหา เหมือนกันแปลว่า มีตา
กลมโต
2 ฐานะและมิใช่ฐานะ หมายถึงเหตุและมิใช่เหตุ (ขุ.อป.อ. 1/485/335)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :73 }