เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [40. ปิลินทวัจฉวรรค] 3. สัพพกิตติกเถราปทาน
[301] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าเผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[302] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา 3 ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[303] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเสลเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เสลเถราปทานที่ 2 จบ

3. สัพพกิตติกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัพพกิตติกเถระ
(พระสัพพกิตติกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[304] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรุ่งเรืองดุจดอกกรรณิการ์
ทรงโชติช่วงดุจต้นพฤกษาประทีป
ทรงรุ่งโรจน์ดุจดาวประกายพรึก
ดุจสายฟ้าในท้องฟ้า
[305] ไม่ครั่นคร้าม ไม่สะดุ้งกลัว
ดุจพญาเนื้อ ทรงประกาศแสงสว่างคือญาณ
ทรงย่ำยีหมู่เดียรถีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :623 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [40. ปิลินทวัจฉวรรค] 3. สัพพกิตติกเถราปทาน
[306] ทรงช่วยโลกนี้ คลายความสงสัยทั้งปวงได้ไม่ครั่นคร้าม
ดุจพญาราชสีห์ ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว
[307] ข้าพเจ้าทรงชฎาและหนังสัตว์
เป็นใหญ่ ซื่อตรง มีความเพียร
ถือเอาผ้าเปลือกปอไปปูลาดที่แทบพระบาท
[308] ข้าพเจ้านำกระลำพักมาชโลมทาพระตถาคต
ครั้นชโลมทาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ได้ชมเชยพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกว่า
[309] ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ทรงข้ามโอฆกิเลสได้แล้ว
ทรงช่วยเหลือสัตว์โลกนี้ ทรงโชติช่วง
ด้วยแสงสว่างแห่งพระญาณ
พระญาณ(ของพระองค์)ประเสริฐสุด
[310] พระองค์ทรงประกาศธรรมจักร ย่ำยีเดียรถีย์อื่น
เป็นผู้องอาจ ชนะสงครามแล้ว
ทำแผ่นดินให้หวั่นไหว
[311] ทิฏฐิทั้งปวงย่อมแตกทำลายไปเพราะพระญาณของพระองค์
ดุจคลื่นในมหาสมุทรย่อมแตกขจายไปเพราะริมฝั่ง
[312] แหตาเล็ก ๆ ที่เขาเหวี่ยงลงไปในสระแล้ว
สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ภายในแห
ย่อมถูกบีบคั้นในขณะนั้นฉันใด
[313] ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
พวกเดียรถีย์ในโลกเป็นผู้หลงงมงาย
ไม่อิงอาศัยสัจจะ ย่อมเป็นไปภายในพระญาณ
อันประเสริฐของพระองค์ฉันนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :624 }