เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 9. สุภัททเถราปทาน
[98] เขามาเกิดยังมนุษยโลกแล้ว
จักเป็นพระราชาในแว่นแคว้น
และจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในแผ่นดิน 3 ชาติ
[99] ในกัปที่ 118 (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายที่จงกรม
[100] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8
และอภิญญา 6 ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจังกมทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จังกมทายกเถราปทานที่ 8 จบ

9. สุภัททเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุภัททเถระ
(พระสุภัททเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[101] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ทรงพระยศยิ่งใหญ่
รื้อถอนหมู่ชน(ออกจากสังสารวัฏ) แล้วเสด็จดับขันธปรินิพพาน
[102] ก็เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพาน
โลกธาตุมีหมื่นจักรวาลหวั่นไหวแล้ว
หมู่ชนและเทวดาจำนวนมากประชุมกันแล้ว ในครั้งนั้น
[103] ข้าพเจ้าบรรจุกฤษณาและดอกมะลิ
จนเต็มผอบไม้จันทน์ แล้วมีจิตร่าเริงเบิกบาน
บูชาพระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้สูงสุดแห่งนรชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :181 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 9. สุภัททเถราปทาน
[104] พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
บรรทมอยู่นั่นแลได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[105] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ใช้มาลัยของหอม
บังร่มให้เราในกาลสุดท้าย
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[106] บุคคลผู้นี้จุติจากโลกนี้แล้ว จักไปเกิดยังหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ได้ครองราชสมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นแล้ว
จักไปเกิดยังสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
[107] เขาถวายมาลัยที่ประเสริฐด้วยอุบายนี้นั่นเอง
จักพอใจกรรมของตน เสวยสมบัติ
[108] บุคคลผู้นี้จักเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นอีก
จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นแล้วจักไปเกิดเป็นมนุษย์
[109] พระผู้มีพระภาคผู้มหานาคศากยบุตร
ผู้เลิศในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ทรงมีพระจักษุ
ทรงให้หมู่สัตว์จำนวนมากตรัสรู้แล้วจักเสด็จดับขันธปรินิพพาน
[110] ครั้งนั้น เขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วจักเข้าเฝ้า
ครั้นเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจักทูลถามปัญหาในครั้งนั้น
[111] พระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงให้เขาร่าเริงแล้ว ทรงทราบบุพกรรม
จักทรงเปิดเผยสัจจะทั้งหลาย
[112] ปัญหานี้เขาพอใจแล้ว เขายินดี มีใจแน่วแน่
จักถวายอภิวาทพระศาสดาแล้วทูลขอบวช
[113] พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทรงฉลาดในธรรมอันเลิศ ทรงเห็นเขามีใจเลื่อมใส
ยินดีด้วยกรรมของตน จึงยอมให้บวช

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :182 }