เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 2. โสณโกฬิวิสเถราปทาน
[31] รถเทียมด้วยม้า 1,000 ตัว จักปรากฏสำหรับผู้นี้
ซึ่งเพียบพร้อมด้วยบุญกรรม ในเวลาใกล้จะตาย
[32] ผู้นี้จักไปยังเทวโลกโดยยานนั้น
เทวดาทั้งหลายจักพลอยบันเทิง ในเมื่อผู้นี้ถึงภพที่ดีแล้ว
[33] เขาจักครองวิมานซึ่งมีค่ามาก ประเสริฐที่สุด
ฉาบทาด้วยดินคือแก้ว ประกอบด้วยเรือนยอดที่ล้ำเลิศ
[34] ผู้นี้จักรื่นรมย์ในเทวโลกถึง 30,000 กัป
จักเป็นเทวราชตลอด 25 กัป
[35] และจักเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 77 ชาติ
พระเจ้าจักรพรรดิเหล่านั้นแม้ทั้งหมด
มีพระนามว่ายโสธระ1
[36] ผู้นี้ได้เสวยสมบัติทั้ง 2 แล้ว สร้างสั่งสมบุญ
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในกัปที่ 28
[37] แม้ในภพนั้นจักมีวิมานอย่างประเสริฐ
ที่วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตให้
ผู้นี้จักครองบุรีนั้น ซึ่งไม่ว่างเว้นจากเสียง 10 ประการ2
[38] ในกัปที่นับมิได้ นับจากกัปนี้ไป
เขาจักเป็นพระเจ้าแผ่นดินในแว่นแคว้น
มีฤทธิ์มาก มีพระนามว่าโอกกากราช โดยพระโคตร
[39] นางกษัตริย์ ผู้มีวัยประเสริฐ3
สูงชาติกว่าหญิงทั้งหมด 16,000 คน
จักประสูติพระราชบุตรและพระราชบุตรี 9 พระองค์

เชิงอรรถ :
1 ชื่อว่า ยโสธระ เพราะทรงไว้ซึ่งยศคือบริวารสมบัติและทรัพย์สมบัติ (ขุ.อป.อ. 2/35/81)
2 ดูเชิงอรรถหน้า 113 ในเล่มนี้
3 ฉบับพม่าและเถรคาถาอรรถกถาภาค 2/256 เป็น ปวรา จ สา นางนั้นประเสริฐ (ขุ.เถร.อ. 2/528)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :171 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [5. อุปาลิวรรค] 2. โสณโกฬิวิสเถราปทาน
[40] นางกษัตริย์ ครั้นประสูติพระราชบุตร
และพระราชบุตรี 9 พระองค์แล้วจักสวรรคต
และพระเจ้าโอกกากราชจักทรงอภิเษกนางกัญญา
ผู้เป็นที่รักแรกรุ่นดรุณีเป็นพระมเหสี
[41] พระนางกัญญาจักทำให้พระเจ้าโอกกากราช
ทรงพอพระทัยแล้วได้พร
พระนางได้พรแล้วจักให้เนรเทศ
พระราชบุตรและพระราชบุตรี
[42] พระราชบุตรและพระราชบุตรีทั้งหมดนั้น
ถูกเนรเทศแล้วจักไปยังภูเขาสูงสุด
พระราชบุตรทั้งหมดจักสมสู่กับพระกนิษฐภคินี
เพราะกลัวว่าชาติตระกูลจะระคนกัน
[43] ส่วนพระเชษฐกัญญาพระองค์หนึ่งจักถูกพยาธิกลุ้มรุม
กษัตริย์ทั้งหลายจักซ่อนไว้ด้วยคิดว่า
ชาติตระกูลของพวกเราอย่าแตกสลายเลย
[44] กษัตริย์องค์หนึ่งจึงนำพระเชษฐกัญญานั้นมาสมสู่อยู่ด้วยกัน
ความเกิดแห่งวงศ์โอกกากราชจักแยกกันในครั้งนั้น
[45] โอรสของกษัตริย์เหล่านั้นจักมีพระนามว่าโกลิยะ โดยพระชาติ
จักได้เสวยโภคสมบัติ อันเป็นของมนุษย์มิใช่น้อยในภพนั้น
[46] ผู้นี้จุติจากกายนั้นแล้วจักไปเกิดยังเทวโลก
แม้ในเทวโลกนั้นจักได้วิมานอย่างประเสริฐ น่ารื่นรมย์ใจ
[47] เขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วจักจุติจากเทวโลก
มาเกิดเป็นมนุษย์ มีชื่อว่าโสณะ
[48] จักบำเพ็ญเพียร มีจิตเด็ดเดี่ยว
บำเพ็ญเพียรในศาสนาของพระศาสดา
จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวง เป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :172 }