เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. สีหาสนิยวรรค] 6. ราหุลเถราปทาน
6. ราหุลเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระราหุลเถระ
(พระราหุลเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[68] ข้าพเจ้าได้ปูลาดกระจกบนปราสาท 7 ชั้น
ถวายแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
[69] พระผู้มีพระภาคมหามุนี
ผู้เป็นใหญ่แห่งเทวดาและมนุษย์ ทรงองอาจกว่านรชน
คับคั่งไปด้วยพระขีณาสพ 1,000 รูป
ได้เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฎี
[70] พระศาสดาผู้ทรงเป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงองอาจกว่านรชน ทรงยังพระคันธกุฎีให้รุ่งเรือง
ประทับยืนในท่ามกลางหมู่ภิกษุได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[71] เราจักพยากรณ์อุบาสกผู้ทำที่นอนนี้ให้โชติช่วงแล้ว
ดุจกระจกเงาที่ปูลาดไว้อย่างดี
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[72] ปราสาททอง ปราสาทเงิน หรือปราสาทแก้วไพฑูรย์
อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่น่าชอบใจ
จักบังเกิดแก่อุบาสกนั้น
[73] อุบาสกนั้นจักเป็นจอมเทพ ครองเทวสมบัติ 64 ชาติ
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิติดต่อกัน 1,000 ชาติ
[74] ในกัปที่ 21 (นับจากกัปนี้ไป)
อุบาสกนั้นจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวิมละ
เป็นใหญ่มีชัยชนะในทวีปทั้ง 4

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :112 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [2. สีหาสนิยวรรค] 6. ราหุลเถราปทาน
[75] มีกรุงนามว่าเรณุวดี
ยาว 300 โยชน์ สี่เหลี่ยมจตุรัส
[76] มีปราสาทชื่อว่าสุทัสสนะ วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตให้
ประกอบด้วยเรือนยอดอย่างดี
ประดับประดาด้วยรัตนะ 7 ประการ
[77] กรุงนั้นไม่สงัดจากเสียง 10 ประการ1
พลุกพล่านด้วยพวกวิทยาธร
จักเป็นดุจเมืองสุทัสสนะของเหล่าเทวดา
[78] พอเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น กรุงนั้นก็เปล่งรัศมี
นครนั้นรุ่งเรืองเป็นนิตย์ แผ่ออกไป 8 โยชน์ โดยรอบ
[79] ในกัปที่ 100,000 (นับจากกัปนี้ไป)
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[80] อุบาสกนั้นถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วจักจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต
เกิดเป็นพระโอรสของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม
[81] ถ้าหากเขาจะพึงอยู่ครองเรือนก็จะพึงได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
แต่ข้อที่เขาผู้คงที่ จะยินดีในการอยู่ครองเรือนนั้น
ไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้ (เป็นไปไม่ได้)
[82] เขาจักต้องออกจากเรือนไปบวช มีข้อวัตรอันดี
จักสำเร็จเป็นพระอรหันต์โดยนามว่าราหุล
[83] พระราหุลเป็นผู้มีปัญญารักษาตน สมบูรณ์ด้วยศีล
ดุจนกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่ ดุจจามรีรักษาขนหาง
พระมหามุนีได้ทรงเห็นเราแล้ว

เชิงอรรถ :
1 เสียง 10 ประการ ได้แก่ เสียงช้าง เสียงม้า เสียงรถ เสียงกลอง เสียงตะโพน เสียงพิณ เสียงขับร้อง
เสียงกังสดาล เสียงประโคมดนตรี และเสียงว่า ‘ท่านทั้งหลายโปรดบริโภค ดื่ม เคี้ยวกิน’ (ที.ม. (แปล)
10/241/281)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 32 หน้า :113 }