เมนู

ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ 27 สุตตันตปิฎกที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก ภาค 1

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 1. อปัณณกวรรค

พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค 1
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1. เอกกนิบาต
1. อปัณณกวรรค
หมวดว่าด้วยการปฏิบัติไม่ผิด
1. อปัณณกชาดก (1)
ว่าด้วยการปฏิบัติไม่ผิด

(พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภพ่อค้าเกวียนสองคน คนหนึ่งปฏิบัติผิด
คนหนึ่งปฏิบัติถูก ตรัสพระคาถาว่า)
[1] คนฉลาดพวกหนึ่งกล่าวฐานะที่ไม่ผิด1
นักคาดคะเนทั้งหลายกล่าวฐานะที่ 2 (ที่ผิด)
ผู้มีปัญญารู้จักฐานะที่ไม่ผิดและฐานะที่ผิดนั้นแล้ว
ควรถือฐานะที่ไม่ผิดไว้เถิด
อปัณณกชาดกที่ 1 จบ

เชิงอรรถ :
1 ฐานะที่ไม่ผิด ในที่นี้หมายถึงฐานะหรือเหตุที่เป็นจริงโดยส่วนเดียว ไม่ผิดพลาด นำออกจากทุกข์ภัยได้
ได้แก่ ไตรสรณคมน์ ศีล 5 ศีล 10 ความสำรวมในปาติโมกข์ ความสำรวมอินทรีย์ ความสำรวมใน
การเลี้ยงชีพ การใช้สอยปัจจัยโดยอุบายที่ชอบ จตุปาริสุทธิศีลแม้ทั้งหมด ความเป็นผู้คุ้มครองทวารใน
อินทรีย์ทั้งหลาย ความเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ ความเพียรของผู้ตื่นอยู่ ฌาน วิปัสสนา อภิญญา
สมาบัติ อริยมรรค อริยผล ทั้งหมดนี้เรียกว่า ฐานะที่ไม่ผิด ทางดำเนินที่ไม่ผิด หรือทางดำเนินที่นำ
ออกจากทุกข์ (ขุ.ชา.อ. 1/1/151)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :1 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 1. อปัณณกวรรค 4. จูฬเสฏฐิชาดก (4)
2. วัณณุปถชาดก (2)
ว่าด้วยการบำเพ็ญความเพียรเหมือนขุดหาน้ำกลางทะเลทราย
(พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภพ่อค้าเดินทางกลางทะเลทรายขุดหาน้ำได้ด้วย
ความเพียร เปรียบเทียบกับมุนีผู้ทำความเพียรย่อมได้ความสงบใจ ตรัสพระคาถาว่า)
[2] ชนทั้งหลายผู้ไม่เกียจคร้าน
ขุดภาคพื้นที่หนทางกลางทะเลทราย
ได้พบน้ำที่กลางทะเลทรายอันราบเรียบ ฉันใด
มุนีผู้ประกอบด้วยความเพียรและกำลัง ไม่เกียจคร้าน
พึงประสบความสงบใจ ฉันนั้น
วัณณุปถชาดกที่ 2 จบ

3. เสริววาณิชชาดก (3)
ว่าด้วยพ่อค้าชื่อเสริวะ
(พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภภิกษุผู้ละความเพียร ตรัสพระคาถาว่า)
[3] ถ้าเธอพลาดจากสภาวะอันแน่นอนแห่งพระสัทธรรม
ในศาสนานี้แล้ว เธอจะต้องเดือดร้อนตลอดกาลนาน
เหมือนพ่อค้าชื่อว่าเสริวะนี้
เสริววาณิชชาดกที่ 3 จบ

4. จูฬเสฏฐิชาดก (4)
ว่าด้วยจูฬเศรษฐี
(พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภการตั้งตัวได้ด้วยทรัพย์เพียงเล็กน้อย ตรัส
พระคาถาว่า)
[4] ผู้มีปัญญาพิจารณาเห็นโดยประจักษ์
ย่อมตั้งตัวได้ด้วยสิ่งของอันมีมูลค่าน้อย
เหมือนคนก่อไฟกองเล็ก ๆ ทำให้เป็นกองใหญ่ได้
จูฬเสฏฐิชาดกที่ 4 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :2 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 1. อปัณณกวรรค 7. กัฏฐหาริชาดก (7)
5. ตัณฑุลนาฬิชาดก (5)
ว่าด้วยมูลค่าข้าวสารทะนานหนึ่ง
(อำมาตย์ทูลถามพระราชาว่า)
[5] ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พระองค์ตรัสว่า ข้าวสาร 1 ทะนาน
มีราคาเท่ามูลค่าม้า 500 ตัวหรือ
และข้าวสาร 1 ทะนานนี้มีค่าเท่ากับกรุงพาราณสี
ทั้งภายในภายนอกเชียวหรือ
ตัณฑุลนาฬิชาดกที่ 5 จบ

6. เทวธัมมชาดก (6)
ว่าด้วยธรรมของเทวดา
(พระโพธิสัตว์กล่าวว่า)
[6] บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ
ตั้งมั่นอยู่ในสุกกธรรม (กุศลธรรม)
เป็นผู้สงบระงับ เป็นคนดีงาม
ท่านเรียกว่า ผู้มีเทวธรรมในโลก
เทวธัมมชาดกที่ 6 จบ

7. กัฏฐหาริชาดก (7)
ว่าด้วยหญิงหาฟืน
(พระโพธิสัตว์กล่าวธรรมแก่พระราชบิดาว่า)
[7] ข้าแต่พระมหาราชเจ้า หม่อมฉันเป็นโอรสของพระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นอธิบดีของหมู่ชน
ขอพระองค์ทรงเลี้ยงหม่อมฉัน
แม้คนเหล่าอื่นพระองค์ยังทรงเลี้ยงได้
ทำไมจะไม่ทรงเลี้ยงโอรสของพระองค์เล่า
กัฏฐหาริชาดกที่ 7 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :3 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 1. อปัณณกวรรค 10. สุขวิหาริชาดก (10)
8. คามณิชาดก (8)
ว่าด้วยคามณิกุมาร
(คามณิกุมารเปล่งอุทานว่า)
[8] เออก็ ผลที่หวังจะสำเร็จแก่ผู้ไม่ใจเร็วด่วนได้
เรามีพรหมจรรย์แก่กล้าแล้ว
ท่านจงเข้าใจดังนี้เถิด พ่อคามณิ
คามณิชาดกที่ 8 จบ

9. มฆเทวชาดก (9)
ว่าด้วยพระเจ้ามฆเทวะ
(พระราชาทรงจับพระเกสาหงอกแล้ว ตรัสแก่อำมาตย์ทั้งหลายว่า)
[9] เมื่อวัยล่วงเลยไป ผมบนศีรษะของเราก็หงอก
เทวทูตก็ปรากฏชัด บัดนี้เป็นเวลาที่เราควรจะบวช
มฆเทวชาดกที่ 9 จบ

10. สุขวิหาริชาดก (10)
ว่าด้วยการอยู่เป็นสุข
(ฤๅษีโพธิสัตว์แสดงธรรมถวายพระราชาว่า)
[10] บุคคลเหล่าอื่นไม่ต้องรักษาคุ้มครองผู้ใด
และผู้ใดก็ไม่ต้องรักษาคุ้มครองบุคคลเหล่าอื่น
มหาบพิตร ผู้นั้นแหละไม่เยื่อใยในกามทั้งหลาย
ย่อมอยู่เป็นสุข
สุขวิหาริชาดกที่ 10 จบ
อปัณณกวรรคที่ 1 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :4 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 2. สีลวรรค 2. นิโครธมิคชาดก (12)
รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
1. อปัณณกชาดก 2. วัณณุปถชาดก
3. เสริววาณิชชาดก 4. จูฬเสฏฐิชาดก
5. ตัณฑุลนาฬิชาดก 6. เทวธัมมชาดก
7. กัฏฐหาริชาดก 8. คามณิชาดก
9. มฆเทวชาดก 10. สุขวิหาริชาดก

2. สีลวรรค
หมวดว่าด้วยศีล
1. ลักขณชาดก (11)
ว่าด้วยเนื้อชื่อลักขณะ
(พญาเนื้อโพธิสัตว์เห็นลูกทั้ง 2 กำลังมา จึงกล่าวกับหมู่ญาติว่า)
[11] ประโยชน์1ย่อมมีแก่ผู้มีศีล ผู้กระทำการต้อนรับเป็นปกติ
เธอจงดูลูกเนื้อชื่อลักขณะ ที่หมู่ญาติแวดล้อมกลับมา
และจงดูลูกเนื้อชื่อกาฬะนี้ที่เสื่อมจากหมู่ญาติ
ลักขณชาดกที่ 1 จบ

2. นิโครธมิคชาดก (12)
ว่าด้วยพญาเนื้อชื่อนิโครธ
(แม่เนื้อเห็นลูกกำลังจะไปยังที่อยู่ของเนื้อสาขะ จึงกล่าวสอนว่า)

เชิงอรรถ :
1 ประโยชน์ ในที่นี้หมายถึงความเจริญ (ขุ.ชา.อ. 1/11/204)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :5 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 2. สีลวรรค 5.ขราทิยชาดก (15)
[12] ลูกหรือผู้อื่นควรคบหาเนื้อชื่อนิโครธเท่านั้น
ไม่ควรเข้าไปคบหาเนื้อชื่อสาขะ
การตายในสำนักของเนื้อชื่อนิโครธยังประเสริฐกว่า
การมีชีวิตในสำนักของเนื้อชื่อสาขะจะประเสริฐอะไร
นิโครธมิคชาดกที่ 2 จบ

3. กัณฑิชาดก (13)
ว่าด้วยเรื่องที่น่าตำหนิคนมีลูกศรเป็นอาวุธเป็นต้น
(เทวดาโพธิสัตว์ตำหนิเรื่องที่ควรตำหนิ 3 อย่าง จึงกล่าวว่า)
[13] น่าตำหนิ คนที่มีลูกศรเป็นอาวุธ ยิงไปเต็มกำลัง
น่าตำหนิ ชนบทที่มีสตรีเป็นผู้นำ
อนึ่ง แม้ชายผู้ตกอยู่ในอำนาจของหญิง ก็น่าตำหนิ
กัณฑิชาดกที่ 3 จบ

4. วาตมิคชาดก (14)
ว่าด้วยเนื้อสมัน
(พระราชาทรงดำริว่า สภาวะที่เลวกว่าความอยากในรสไม่มี จึงตรัสว่า)
[14] ได้ยินว่า สภาวะอย่างอื่นที่จะเลวยิ่งกว่ารสทั้งหลายไม่มี
รสเป็นสภาวะที่เลวกว่าที่อยู่อาศัย กว่าความสนิทสนม
คนเฝ้าสวนชื่อสัญชัยนำเนื้อสมันที่อาศัยอยู่ในป่าทึบ
มาสู่อำนาจได้ก็เพราะรส
วาตมิคชาดกที่ 4 จบ

5. ขราทิยชาดก (15)
ว่าด้วยลูกของแม่เนื้อที่ชื่อขราทิยา
(พญาเนื้อโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาจะสอนลูกของน้องสาว จึงกล่าวว่า)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :6 }