เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [14. ติงสนิบาต] 1. สุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา
[398] พระสุภาเถรีมีดวงตางามและมีใจไม่ข้องไม่ติดในดวงตานั้น
ก็ควักดวงตาออกจากเบ้าตา
ส่งมอบให้ชายเจ้าชู้ผู้นั้นทันที
พร้อมกับกล่าวว่า
เชิญนำดวงตานั้นไปเถิด
เพราะเรามอบให้ท่านแล้ว
[399] ทันใดนั้นเอง ความกำหนัดในดวงตานั้น
ของนักเลงเจ้าชู้นั้นก็หายไป
และเขาขอขมาพระเถรีนั้นด้วยคำว่า
ข้าแต่แม่นางผู้ประพฤติพรหมจรรย์
ขอความสวัสดีพึงมีแก่แม่นางเถิด
ความประพฤติอนาจารเช่นนี้จักไม่มีต่อไปอีกละ
(พระสุภาชีวกัมพวนิกาเถรีกล่าวว่า)
[400] ท่านกระทบกระทั่งคนเช่นดิฉันนี้
ก็เหมือนกอดกองไฟที่ลุกโชน
เหมือนจับงูมีพิษร้าย
ท่านขอโทษดิฉัน พึงมีความสวัสดีได้บ้าง
[401] ภิกษุณีนั้นพ้นจากนักเลงเจ้าชู้นั้นแล้ว
ได้ไปยังสำนักพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ
ได้ชมบุญลักษณะอันประเสริฐ
จักษุก็กลับเป็นปกติเหมือนอย่างเดิม
ติงสนิบาต จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :621 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [15. จัตตาฬีสนิบาต] 1. อิสิทาสีเถรีคาถา
15. จัตตาฬีสนิบาต
1. อิสิทาสีเถรีคาถา
ภาษิตของพระอิสิทาสีเถรี
(พระสังคีติกาจารย์ได้กล่าวภาษิตเหล่านี้ว่า)
[402] ในเมืองปาฏลีบุตรได้ชื่อว่าเป็นเมืองดอกไม้
เป็นแผ่นดินที่ผ่องใส
มีพระภิกษุณี ผู้ทรงคุณธรรม
เป็นกุลธิดาในศากยสกุล 2 รูป
[403] ใน 2 รูปนั้น รูปหนึ่งชื่อว่าอิสิทาสี รูปที่ 2 ชื่อว่าโพธิ
ล้วนมีศีลสมบูรณ์ ยินดีเข้าฌาน เป็นพหูสูต กำจัดกิเลสได้แล้ว
[404] ทั้งสองรูปนั้นเที่ยวบิณฑบาต ฉันและล้างบาตรแล้ว
ก็นั่งพักอย่างสบายในที่สงัด ได้เปล่งถ้อยคำเหล่านี้ถามตอบกัน
(พระโพธิเถรีถามว่า)
[405] แม่เจ้าอิสิทาสี แม่เจ้าเป็นผู้น่าเลื่อมใสอยู่
แม้วัยของแม่เจ้าก็ยังไม่เสื่อมโทรม
แม่เจ้าเห็นโทษอะไร จึงขวนขวายในเนกขัมมะเล่า
[406] พระอิสิทาสีเถรีนั้นฉลาดในการแสดงธรรม
เมื่อถูกซักถามในที่สงัด จึงได้กล่าวตอบดังนี้ว่า
แม่เจ้าโพธิ ขอแม่เจ้าจงฟังเหตุที่ฉันออกบวช
(ต่อไปนี้เป็นคำวิสัชนา)
[407] ในกรุงอุชเชนนีราชธานี
บิดาของดิฉันเป็นเศรษฐี สำรวมในศีล
ดิฉันเป็นธิดาคนเดียวของท่าน
จึงเป็นที่รักที่โปรดปราน และน่าเอ็นดู

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :622 }