เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [10. เอกาทสกนิบาต] 1. กีสาโคตมีเถรีคาถา
10. เอกาทสกนิบาต
1. กีสาโคตมีเถรีคาถา
ภาษิตของพระกีสาโคตมีเถรี
(พระกีสาโคตมีเถรีได้กล่าวภาษิตเหล่านี้ว่า)
[213] พระมุนีกล่าวสรรเสริญความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร
ไว้เฉพาะชาวโลกว่า ผู้คบกัลยาณมิตร
ถึงแม้จะเป็นพาล ก็จะพึงเป็นบัณฑิตได้บ้าง
[214] สัตบุรุษเป็นคนที่ควรคบ
ผู้คบสัตบุรุษ ปัญญาย่อมเจริญได้แน่นอน
ผู้คบสัตบุรุษ พึงพ้นจากทุกข์ทั้งมวลได้
[215] และพึงรู้แจ้งอริยสัจ 4 คือ
ทุกข์ 1 เหตุให้เกิดทุกข์ 1 ความดับทุกข์ 1
อริยมรรคมีองค์แปด 1
(ยักษิณีกล่าวว่า)
[216] พระผู้มีพระภาคเป็นสารถีผู้ทรงฝึกคนที่ควรฝึก
ตรัสว่า ความเป็นหญิงเป็นทุกข์
เพราะแม้ความเป็นหญิงมีสามีร่วมกันก็เป็นทุกข์
หญิงบางพวกคลอดครั้งเดียว
[217] อดกลั้นความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะการคลอดบุตรไม่ไหว
จึงเชือดคอตนเองเสียก็มี
บางพวกมีร่างกายอ่อนแอ
ทนความลำบากไม่ได้ กินยาพิษเสียก็มี
เด็กอยู่ในครรภ์ และมารดาผู้มีครรภ์
ย่อมประสบความย่อยยับทั้งสองคนก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :590 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [10. เอกาทสกนิบาต] 1. กีสาโคตมีเถรีคาถา
(พระปฏาจาราเถรีกล่าวว่า)
[218] เราเวลามีครรภ์แก่ใกล้คลอด
เดินทางไปยังไม่ทันถึงเรือนตน
ก็คลอดบุตรที่ระหว่างทาง พบสามีตาย
[219] บุตรทั้งสองก็ตาย สามีก็ตายเสียที่ระหว่างทาง
มารดาบิดา และพี่ชายของเราผู้กำพร้า
ถูกเผาอยู่บนเชิงตะกอนเดียวกัน
(พระกีสาโคตมีเถรีกล่าวว่า)
[220] เจ้า เมื่อสิ้นตระกูลแล้ว ตกเป็นคนกำพร้า
เสวยทุกข์หาประมาณมิได้
ก็แลน้ำตาของเจ้าไหลตลอดมาหลายพันชาติ
[221] เราเห็นเจ้าและเนื้อบุตรของเจ้า
ถูกสุนัขเป็นต้นกัดกินที่ท่ามกลางป่าช้า
เราพร้อมกับสามีมีตระกูลฉิบหายแล้ว
ถูกชนทั้งปวงติเตียนแล้วได้บรรลุอมตธรรม
[222] อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงอมตธรรม
เราได้เจริญแล้ว
แม้นิพพานเราก็ทำให้แจ้งแล้ว
เราได้พบกระจกคือธรรมแล้ว
[223] ตัดลูกศรเสียได้ ปลงภาระได้แล้ว
กระทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว
กีสาโคตมีเถรีผู้มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว
ได้กล่าวเนื้อความนี้ไว้
เอกาทสกนิบาต จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :591 }