เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [9. นวกนิบาต] 1. วัฑฒมาตุเถรีคาถา
9. นวกนิบาต
1. วัฑฒมาตุเถรีคาถา
ภาษิตของพระวัฑฒมาตาเถรี
(พระวัฑฒมาตาเถรีเมื่อจะกล่าวตักเตือนพระวัฑฒเถระ จึงได้กล่าวภาษิต
เหล่านี้ว่า)
[204] ลูกวัฑฒะ กิเลสดุจหมู่ไม้ในป่า ในโลก
อย่าได้มีแก่พ่อไม่ว่าในกาลไหน ๆ เลย
ลูกเอ๋ย ลูกอย่าได้เป็นผู้มีความทุกข์ร่ำไปเลย
[205] ลูกวัฑฒะ พระมุนีทั้งหลาย ไม่หวั่นไหว
ตัดความสงสัยเสียได้ เป็นผู้เย็น
ถึงความฝึกฝนแล้วเป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่อย่างสบาย
[206] ลูกวัฑฒะ พ่อพึงพอกพูนมรรค
ซึ่งเป็นทางที่ท่านผู้แสวงหาคุณเหล่านั้นประพฤติกันมาแล้ว
เพื่อบรรลุญาณทัสนะ เพื่อทำที่สุดทุกข์
(พระวัฑฒะเถระ กล่าวตอบด้วยภาษิตนี้ว่า)
[207] โยมมารดาบังเกิดเกล้า โยมกล้ากล่าวคาถานี้แก่ลูก
โยมมารดา ลูกเข้าใจว่า
กิเลสดุจหมู่ไม้ในป่าของโยมมารดาคงไม่มีแน่ละ
(พระเถรีกล่าวภาษิตเหล่านี้ว่า)
[208] ลูกวัฑฒะ สังขารอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งเลว ประณีต และปานกลาง
กิเลสดุจหมู่ไม้ในป่าในสังขารเหล่านั้นของโยมแม่
อณูหนึ่งก็ดี ขนาดอณูหนึ่งก็ดี ไม่มีเลย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :588 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [9. นวกนิบาต] 1. วัฑฒมาตุเถรีคาถา
[209] เมื่อโยมแม่ไม่ประมาทเพ่งอยู่
อาสวะหมดสิ้นแล้ว
โยมแม่บรรลุวิชชา 3
ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
(พระเถระเมื่อจะพยากรณ์พระอรหัต ได้กล่าวภาษิตเหล่านี้ว่า)
[210] โยมมารดาได้มอบปฏัก
คือโอวาทอันโอฬารแก่เราหนอ
โยมมารดาของเราได้กล่าวภาษิตที่ประกอบด้วยประโยชน์อย่างยิ่ง
เหมือนมารดาผู้อนุเคราะห์อื่น ๆ
[211] ลูกฟังคำพร่ำสอนของโยมมารดาบังเกิดเกล้านั้นแล้ว
ถึงความสลดใจในธรรม
เพื่อบรรลุธรรมที่ปลอดโปร่งจากโยคะกิเลส
[212] เรานั้นถูกโยมมารดาเตือนอยู่
มีใจเด็ดเดี่ยว
ด้วยการบำเพ็ญเพียร
ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน
ได้สัมผัสความสงบอย่างยอดเยี่ยมแล้ว
นวกนิบาต จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :589 }