เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [7. สัตตกนิบาต] 1. อุตตราเถรีคาถา
7. สัตตกนิบาต
1. อุตตราเถรีคาถา
ภาษิตของพระอุตตราเถรี
(พระปฏาจาราเถรีได้กล่าวภาษิตเหล่านี้ว่า)
[175] มาณพทั้งหลายถือสากตำข้าว
ได้ทรัพย์มาเลี้ยงดูบุตรและภรรยา
[176] ท่านทั้งหลายจงพากเพียรในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่กระทำแล้วไม่เดือดร้อนในภายหลัง
จงรีบล้างเท้าแล้วนั่ง ณ ที่สมควร
[177] จงตั้งจิตให้แน่วแน่มีอารมณ์เดียวแล้ว
พิจารณาสังขารทั้งหลายโดยความเป็นของแปรปรวน
และโดยความเป็นของไม่ใช่ของตน
พระอุตตราเถรี(ได้กล่าวภาษิตเหล่านี้ว่า)
[178] เราฟังคำพร่ำสอนของพระปฏาจาราเถรีนั้นแล้ว
ล้างเท้า เข้าไปนั่ง ณ ที่สมควร
[179] ในปฐมยามแห่งราตรีระลึกชาติก่อนได้แล้ว
ในมัชฌิมยามแห่งราตรีชำระทิพยจักขุให้หมดจดได้
[180] ในปัจฉิมยามแห่งราตรีทำลายกองแห่งความมืดได้แล้ว
ได้บรรลุวิชชา 3 จึงลุกจากอาสนะ ในภายหลัง
ได้ทำตามคำสอนของท่านแล้ว
[181] จะอยู่แวดล้อมท่าน
เหมือนเทวดาชั้นดาวดึงส์แวดล้อมท้าวสักกะผู้ไม่แพ้ในสงคราม
เราได้บรรลุวิชชา 3 เป็นผู้ไม่มีอาสวะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :584 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [7. สัตตกนิบาต] 2. จาลาเถรีคาถา
2. จาลาเถรีคาถา
ภาษิตของพระจาลาเถรี
พระจาลาเถรี(เมื่อจะกล่าวภาษิตที่มารกล่าวแก่ตน จึงได้กล่าวภาษิตเหล่านี้ว่า)
[182] เราเป็นภิกษุณี อบรมอินทรีย์แล้ว ตั้งสติไว้มั่น
รู้แจ้งบทอันสงบเป็นเหตุเข้าไปสงบระงับสังขารเป็นสุข
(มารถามว่า)
[183] ท่านมีศีรษะโล้นบวชเจาะจงใครหนอ
วางตัวเหมือนสมณะ ท่านไม่ชอบใจลัทธิเดียรถีย์
ทำไมยังมางมงายประพฤติทางผิดนี้อยู่เล่า
(พระจาลาเถรีตอบว่า)
[184] เหล่าชนที่ถือลัทธิเดียรถีย์นอกจากศาสนานี้
ยึดมั่นทิฏฐิทั้งหลาย
ไม่รู้แจ้งธรรม ไม่ฉลาดในธรรม
[185] ส่วนพระพุทธเจ้า เสด็จอุบัติในตระกูลศากยะ ไม่มีผู้ใด
เปรียบปราน พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมโปรดเรา
อันเป็นอุบายล่วงเสียซึ่งทิฏฐิทั้งหลาย คือ
[186] ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์
และอริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
[187] เราฟังคำสอนของพระองค์แล้ว ยินดีอยู่ในคำสอน
ได้บรรลุวิชชา 3 ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
[188] เรากำจัดความเพลิดเพลินในกามทั้งปวงได้แล้ว
ทำลายกองแห่งความมืดได้แล้ว
มารผู้ชั่วช้าเลวทราม ท่านจงรู้อย่างนี้ว่า
ท่านถูกเรากำจัดแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :585 }