เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรคาถา [19. ปัญญาสนิบาต] 1. ตาลปุฏเถรคาถา
[1105] เมื่อไรหนอน้ำฝนใหม่ตามฤดูกาลในเวลาใกล้รุ่ง
จะตกรดเราผู้ครองผ้าจีวรดำเนินไปในมรรคา1
ที่ท่านผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ดำเนินไปอยู่ในป่า
ความตรึกเช่นนี้นั้นของเราจะสำเร็จเมื่อไรหนอ
[1106] เมื่อไรหนอเราพึงได้ยินเสียงร้องของนกยูงที่ซอกเขาในป่า
แล้วลุกขึ้นพิจารณาเพื่อบรรลุอมตธรรม
ความตรึกเช่นนี้นั้นของเราจะสำเร็จเมื่อไรหนอ
[1107] เมื่อไรหนอเราจะพึงข้ามพ้นแม่น้ำคงคา ยมุนา สุรัสวดี ที่ไหล
ไปถึงบาดาล มีปากอ่าวใหญ่ทั้งน่ากลัว ไปได้ด้วยฤทธิ์ ไม่ติดขัด
ความตรึกเช่นนี้นั้นของเราจะสำเร็จเมื่อไรหนอ
[1108] เมื่อไรหนอเราจะพึงงดเว้นนิมิตว่างามทั้งปวงเสียได้
ขวนขวายในฌานแล้ว ทำลายความพอใจในกามคุณทั้งหลาย
เหมือนช้างทำลายเสาตะลุง และโซ่เหล็กได้แล้วเที่ยวไปในสงคราม
ความตรึกเช่นนี้นั้นของเราจะสำเร็จเมื่อไรหนอ
[1109] เมื่อไรหนอเราจึงจะได้บรรลุคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้แสวงหา
คุณอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว พอใจเหมือนลูกหนี้ผู้ขัดสนถูกเจ้าหนี้บีบ
บังคับ แสวงหาทรัพย์มาได้ก็พึงพอใจ
ความตรึกเช่นนี้นั้นของเราจะสำเร็จเมื่อไรหนอ
[1110] (จิตผู้เจริญ) ท่านอ้อนวอนเรามาเป็นเวลาหลายปีว่า
ท่านไม่สมควรอยู่ครองเรือนเลย บัดนี้เรานั้นก็ได้บวชสมประสงค์
แล้ว เหตุไฉน ท่านจึงไม่ชักนำเสียเล่า
[1111] จิตผู้เจริญ ท่านอ้อนวอนเรามาแล้วมิใช่หรือว่า
ฝูงนกยูงมีขนปีกแพรวพราว และเสียงกึกก้องแห่งธารน้ำตกตาม
ซอกเขา จะทำท่านผู้เข้าฌานอยู่ในป่าให้เพลิดเพลิน

เชิงอรรถ :
1 สมถะและวิปัสสนา (ขุ.เถร.อ. 2/1105/519)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :520 }