เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรคาถา [17. ติงสนิบาต] 3. อานนทเถรคาถา
[1027] เราได้เรียนมาจากพระพุทธเจ้า 82,000 พระธรรมขันธ์
จากภิกษุ 2,000 พระธรรมขันธ์
จึงรวมธรรมที่เราช่ำชองคล่องปากได้ 84,000 พระธรรมขันธ์
[1028] คนที่มีการศึกษาน้อยนี้ย่อมแก่ไปเปล่าเหมือนโคพลิพัท1
เขาเจริญแต่เนื้อหนัง ส่วนปัญญาหาเจริญไม่
[1029] ผู้ที่มีการศึกษามาก กลับดูหมิ่นผู้ที่มีการศึกษาน้อย
เพราะการศึกษาเป็นเหตุ ย่อมปรากฏแก่เรา
เหมือนคนตาบอดถือดวงประทีปไป
[1030] บุคคลพึงเข้าไปนั่งใกล้ท่านผู้เป็นพหูสูต
ทั้งไม่ควรทำสุตะ2ให้เสื่อมสูญไป
เพราะความเป็นพหูสูตนั้นเป็นรากเง่าของพรหมจรรย์
ฉะนั้น จึงควรเป็นผู้ทรงธรรม
[1031] บุคคลรู้เบื้องต้นและเบื้องปลายภาษิต
รู้อรรถแห่งภาษิต ฉลาดในนิรุตติ และในบท3
เรียนธรรมให้รู้ให้เข้าใจดีและพิจารณาเนื้อความ
[1032] เขาก็ทำความพอใจด้วยความอดทน
พยายามพิจารณาไตร่ตรองถึงนามรูปนั้น
เริ่มตั้งความเพียรในเวลา(ที่ควรประคองจิตเป็นต้น)
จึงจะพึงเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นดีในภายในได้
[1033] ผู้หวังความรู้แจ้งธรรมพึงคบหาท่านผู้เป็นพหูสูต
ทรงธรรม มีปัญญา เป็นพุทธสาวกเช่นนั้น

เชิงอรรถ :
1 โคถึกที่มีกำลัง (ขุ.เถร.อ. 2/1028/466)
2 ความเป็นผู้มีการศึกษามากด้วยการเล่าเรียน (ขุ.เถร.อ. 2/1030/467)
3 ปฏิสัมภิทาทั้ง 4 คือในนิรุตติปฏิสัมภิทาและในปฏิสัมภิทา 3 ที่เหลือ (ขุ.เถร.อ. 2/1031/467)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :508 }