เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [6. ฉักกนิบาต] 5. มาลุงกยปุตตเถรคาถา
[397] ร่างกายกลางวัน กลางคืน ก็เหมือนกัน
กลางคืน กลางวัน ก็เหมือนกัน
ในกาลก่อนกับภายหลัง ก็เหมือนกัน
ภายหลัง กับกาลก่อนก็เหมือนกัน
[398] อิสรชนผู้เพียบพร้อมด้วยกามสุข
ที่เขาบำเรอด้วยดนตรีเครื่องห้า ย่อมไม่ยินดีเช่นนั้น
เหมือนกับเราผู้มีจิตแน่วแน่
พิจารณาเห็นธรรมแจ่มแจ้งโดยชอบ

5. มาลุงกยปุตตเถรคาถา
ภาษิตของพระมาลุงกยบุตรเถระ
(พระมาลุงกยบุตรเถระแสดงธรรมด้วย 6 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[399] ตัณหา ย่อมเจริญแก่มนุษย์ ผู้ประพฤติประมาท
เหมือนเถาย่านทรายเจริญอยู่ในป่า
เขาย่อมเร่ร่อนไปมา
เหมือนวานรที่ต้องการผลไม้ เที่ยวเร่ร่อนไปในป่า
[400] ตัณหาที่เลวทรามซ่านไปในโลกนี้
ย่อมครอบงำบุคคลใดไว้ได้
ความโศกย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น
เหมือนหญ้าคมบางที่ถูกฝนตกรดแล้วเจริญงอกงามขึ้น
[401] ส่วนบุคคลใด ครอบงำตัณหาที่เลวทรามนั้น
ซึ่งล่วงได้ยาก ในโลกไว้ได้
ความโศกย่อมตกไปจากบุคคลนั้น
เหมือนหยาดน้ำกลิ้งตกไปจากใบบัว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :408 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [6. ฉักกนิบาต] 6. สัปปทาสเถรคาถา
[402] เพราะเหตุนั้น เราขอเตือนท่านทั้งหลาย
ขอท่านทั้งหลายที่ประชุมกันในที่นี้ จงมีความเจริญ
ขอท่านทั้งหลายจงขุดรากเหง้าแห่งตัณหา
เหมือนผู้ต้องการหญ้าแฝกขุดหญ้าแฝกอยู่
มารอย่าได้ระรานท่านทั้งหลายอยู่ร่ำไป
เหมือนกระแสน้ำระรานไม้อ้อ
[403] ท่านทั้งหลาย จงทำตามพระพุทธพจน์
ขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย
เพราะเหล่าชนที่ปล่อยให้ขณะล่วงเลยไป
แออัดกันในนรก เศร้าโศกอยู่
[404] ความประมาทคือความเลินเล่อ จัดเป็นธุลี
ธุลีเกิดจากความประมาท
บุคคลพึงถอนลูกศรที่เสียบอยู่ในหทัยของตน
ด้วยความไม่ประมาท และด้วยวิชชาเถิด

6. สัปปทาสเถรคาถา
ภาษิตของพระสัปปาทเถระ
(พระสัปปทาสเถระได้กล่าว 6 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[405] ตั้งแต่เราบวชมาได้ 25 พรรษา
ไม่ได้ความสงบใจ แม้เพียงดีดนิ้วมือ
[406] เราไม่ได้เอกัคคตาจิต1 ถูกกามราคะรบกวน
ประคองแขนคร่ำครวญ
ไม่ยอมออกจากวิหารโดยคิดว่า

เชิงอรรถ :
1 จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :409 }