เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [4. จตุตกกนิบาต] 6. เสนกเถรคาถา
[284] ยืนด้วยเท้าข้างเดียว เว้นการนั่ง
กินคูถแห้งและไม่ยินดีอาหารที่เขาเชื้อเชิญ
[285] เราได้ทำบาปกรรมอันเป็นเหตุให้ไปสู่ทุคติเป็นอันมากเช่นนั้น
ถูกโอฆะต่าง ๆ พัดพาไป
จึงได้ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง
[286] ท่านจงมองเห็นการถึงสรณะ
จงมองเห็นธรรมว่าเป็นธรรมดีงาม
เราบรรลุวิชชา 3 ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

6. เสนกเถรคาถา
ภาษิตของพระเสนกเถระ
(พระเสนกเถระได้กล่าว 4 คาถาด้วยการเปล่งอุทานว่า)
[287] เป็นการดีหนอที่เรามาใกล้ท่าน้ำคยาในวันเพ็ญเดือน 4
เพราะได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอันประเสริฐ
[288] ซึ่งพระองค์มีพระรัศมีมากอย่าง
เป็นพระคณาจารย์ ผู้ถึงความเป็นผู้เลิศ
ทรงเป็นผู้นำอย่างยอดเยี่ยมของชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก
ทรงเป็นผู้ชนะมาร มีพระญาณหาประมาณมิได้
[289] มีอานุภาพมาก มีความเพียรมาก มีความรุ่งเรืองมาก
ไม่มีอาสวะ สิ้นอาสวะทั้งมวล
เป็นพระศาสดา ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ
[290] พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ได้ทรงปลดเปลื้องเรามีนามว่าเสนกะ
ผู้เศร้าหมองมานาน ถูกมิจฉาทิฏฐิหุ้มห่อไว้
จากกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งสิ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :386 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [4. จตุตกกนิบาต] 8. ราหุลเถรคาถา
7. สัมภูตเถรคาถา
ภาษิตของพระสัมภูตเถระ
ทราบว่า ท่านพระสัมภูตเถระได้กล่าวคาถา 4 คาถาไว้ดังนี้ว่า
[291] ผู้ใดรีบในเวลาที่ควรช้า
และช้าในเวลาที่ควรรีบ
ผู้นั้นเป็นคนเขลา ย่อมประสบทุกข์
เพราะไม่จัดแจงโดยแยบคาย
[292] ประโยชน์ของเขาย่อมเสื่อมไป
เหมือนดวงจันทร์ข้างแรม
เขาย่อมได้รับความตำหนิจากวิญญูชน
และพลาดจากมิตรทั้งหลาย
[293] ผู้ใดช้าในเวลาที่ควรช้า
และรีบในเวลาที่ควรรีบ
ผู้นั้นเป็นบัณฑิตย่อมประสบสุข
เพราะจัดแจงโดยอุบายที่แยบคาย
[294] ประโยชน์ของเขา ย่อมบริบูรณ์
เหมือนดวงจันทร์ข้างขึ้น
เขาย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญ
และไม่พลาดจากมิตรทั้งหลาย

8. ราหุลเถรคาถา
ภาษิตของพระราหุลเถระ
(พระราหุลเถระได้กล่าว 4 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[295] ชนทั้งหลายรู้จักเราว่า พระราหุลผู้เจริญ
เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ 2 ประการนั่นเอง
คือเพราะเหตุที่เราเป็นโอรสของพระพุทธเจ้า
และได้ดวงตาเห็นธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :387 }