เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ [1. อุรควรรค] 8. โคณเปตวัตถุ
[44] ส่วนดิฉันนั้นได้กล่าวคำสาบานเท็จอย่างรุนแรงว่า
ถ้าดิฉันทำความชั่วอย่างนี้จริง ขอให้ดิฉันกินเนื้อลูกเถิด
[45] เพราะผลกรรมคือการทำลายสัตว์มีชีวิต
และการกล่าวเท็จทั้ง 2 อย่างนั้น
ดิฉันจึงมีกายเปื้อนหนองและเลือด กินเนื้อลูก
สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุที่ 7 จบ

8. โคณเปตวัตถุ
เรื่องลูกสอนพ่อด้วยโคที่ตายแล้ว
(กุฎุมพีผู้เป็นบิดาถามสุชาตกุมารว่า)
[46] เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ จึงเกี่ยวหญ้าสด
แล้วเพ้อร้องเรียกโคแก่ซึ่งตายแล้วว่า จงกิน จงกิน
[47] โคตายแล้ว ลุกขึ้นกินหญ้าและน้ำไม่ได้หรอก
เจ้าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาเหมือนคนโง่อื่น ๆ
(สุชาตกุมารกล่าวว่า)
[48] โคตัวนี้ยังมีเท้าครบทั้ง 4 เท้า
มีหัว มีตัว พร้อมทั้งหางและนัยน์ตาคงอยู่ตามเดิม
เพราะเหตุนี้ ลูกจึงคิดว่า โคตัวนี้พึงลุกขึ้น
[49] ส่วนคุณปู่ไม่ปรากฏกระทั่งมือ เท้า กาย และศีรษะ
คุณพ่อมาร้องไห้ถึงกระดูกของคุณปู่ที่บรรจุไว้ในสถูปดิน
จะไม่เป็นคนโง่หรือ
(กุฎุมพีฟังคำนั้นแล้วจึงกล่าวสรรเสริญสุชาตกุมารว่า)
[50] เจ้าช่วยรดข้าผู้เร่าร้อนให้สงบ
ดับความกระวนกระวายทั้งหมด
เหมือนคนใช้น้ำราดดับไฟที่ติดเปรียง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :175 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ [1. อุรควรรค] 9. มหาเปสการเปติวัตถุ
[51] เจ้าได้บรรเทาความเศร้าโศกถึงบิดาของข้าผู้กำลังเศร้าโศก
ชื่อว่า ได้ช่วยถอนลูกศรคือความโศก
ซึ่งเสียบหทัยของข้าขึ้นได้แล้วหนอ
[52] พ่อมาณพ ข้าซึ่งเจ้าช่วยถอนลูกศรคือความโศกขึ้นได้แล้ว
ก็เย็นสงบแล้ว
จะไม่เศร้าโศก ไม่ร้องไห้ เพราะได้ฟังคำของเจ้า
[53] ชนเหล่าใดเป็นผู้อนุเคราะห์มารดาบิดา
ชนเหล่านั้นเป็นคนมีปัญญาย่อมทำอย่างนี้
ย่อมช่วยมารดาบิดาให้หายจากความเศร้าโศก
เหมือนสุชาตกุมารช่วยมารดาบิดาให้หายจากความเศร้าโศกได้
โคณเปตวัตถุที่ 8 จบ

9. มหาเปสการเปติวัตถุ
เรื่องนางเปรตอดีตภรรยาหัวหน้าช่างหูก
(ภิกษุรูปหนึ่งถามเทพบุตรตนหนึ่งว่า)
[54] นางเปรตนี้กินคูถ1 มูตร โลหิต และหนอง
นี้เป็นวิบากกรรมอะไร
นางเปรตผู้ที่กินเลือดและหนองเป็นประจำ
เมื่อก่อนได้ทำกรรมอะไรไว้
[55] ผ้าทั้งหลายยังใหม่ สวยงาม
อ่อนนุ่ม บริสุทธิ์ มีขนอ่อน
ที่ท่านให้ ย่อมกลายเป็นแผ่นเหล็ก
เมื่อก่อนนางเปรตนี้ได้ทำกรรมอะไรไว้หนอ

เชิงอรรถ :
1 คูถ อุจจาระ มูตร ปัสสาวะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :176 }