เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ 5. มงคลสูตร
[9] (22) ความเคารพ (23) ความถ่อมตน (24) ความสันโดษ
(25) ความกตัญญู (26) การฟังธรรมตามกาล
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
[10] (27) ความอดทน1 (28) ความเป็นคนว่าง่าย
(29) การพบเห็นสมณะ (30) การสนทนาธรรมตามกาล
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
[11] (31) การเผาผลาญบาป (32) การประพฤติพรหมจรรย์2
(33) การเห็นอริยสัจ (34) การทำนิพพานให้แจ้ง
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
[12] (35) จิตของผู้ที่ถูกโลกธรรมกระทบแล้วไม่หวั่นไหว
(36) จิตไม่เศร้าโศก (37) จิตปราศจากธุลี (38) จิตเกษม
นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
[13] เทวดาและมนุษย์ทำมงคลดังกล่าวมานี้แล้ว
ไม่พ่ายแพ้ข้าศึกทั้งปวง ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน
ทั้ง 38 ประการนั้น เป็นมงคลอันสูงสุด
ของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น
มงคลสูตร จบ

เชิงอรรถ :
1 ความอดทน ในที่นี้หมายถึงอธิวาสนขันติ (ขันติคือความอดกลั้น) ได้แก่ ความอดกลั้นต่อคำด่าต่าง ๆ
อดกลั้นต่อการถูกเบียดเบียน ตลอดถึงอดกลั้นต่อทุกขเวทนา เช่น ความหนาว ความร้อน เป็นต้น ยกตน
อยู่เหนือทุกข์ต่าง ๆ ดำรงตนอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว (ขุ.ขุ.อ. 5/129)
2 พรหมจรรย์ เป็นชื่อของ (1) เมถุนวิรัติ (ดู ที.สี. (แปล) 9/8/3, ม.มู. (แปล) 12/292/323)
(2)สมณธรรม (ดู ม.มู. (แปล) 12/257/217) (3)ศาสนา (ดู ที.ม. (แปล) 10/168/113) (4)มรรค
(ดู สํ.ม. (แปล) 19/6/9) (ขุ.ขุ.อ. 5/133)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :8 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ 6. รตนสูตร
6. รตนสูตร 1
ว่าด้วยรตนะอันประณีต
(พระผู้มีพระภาคตรัสรตนสูตรดังนี้)
[1] ภูตทั้งหลายผู้สิงสถิตอยู่บนภาคพื้น2
หรือผู้สิงสถิตอยู่ในอากาศ3 ที่มาประชุมกันอยู่ ณ ที่นี้
ขอให้ภูตทั้งปวงจงเป็นผู้มีใจดี และจงฟังภาษิตโดยเคารพเถิด
[2] เพราะฉะนั้นแล ภูตทั้งปวง ท่านจงใคร่ครวญ
จงแผ่เมตตาต่อหมู่มนุษย์ด้วยเถิด
มนุษย์เหล่าใดนำเครื่องเซ่นสรวงมาให้
ทั้งกลางวันและกลางคืน
เพราะเหตุนั้น ขอท่านทั้งหลายอย่าประมาท
จงรักษามนุษย์เหล่านั้น
[3] ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ หรือรัตนชาติที่ประณีต4ใด ๆ
ที่มีในโลกนี้ ในโลกอื่น หรือในสวรรค์
ทรัพย์หรือรัตนชาตินั้น ๆ ที่เสมอด้วยตถาคต ไม่มี
นี้เป็นรัตนะอันประณีตในพระพุทธเจ้า
ด้วยสัจจะนี้ ขอให้มีความสวัสดี

เชิงอรรถ :
1 ดู สุตตนิบาตข้อ 224-241 หน้า 529 ในเล่มนี้
2 คำว่า ภูต มีความหมายหลายนัย คือ นัยที่ 1 มีความหมายเชิงกริยาว่า “มีแล้ว” (หรือ “เกิดแล้ว” ดู วิ.มหา.
(แปล) 2/153/327) นัยที่ 2 หมายถึงขันธ์ 5 (ดู ม.มู. (แปล) 12/401/432) นัยที่ 3 หมายถึงธาตุ 4
มีปฐวีธาตุ เป็นต้น (ดู ม.อุ. 14/86/68) นัยที่ 4 หมายถึงพระขีณาสพ (ดู ขุ.ชา. (แปล) 27/190/116)
นัยที่ 5 หมายถึง สรรพสัตว์ (ดู ที.ม. (แปล) 10/220/167) นัยที่ 6 หมายถึงรุกขชาติต่าง ๆ (ดู วิ.มหา.
(แปล) 2/90/116) นัยที่ 7 หมายถึงหมู่สัตว์นับแต่ท้าวมหาราชทั้ง 4 ลงมา (ดู ม.มู. (แปล) 12/3/5)
ในที่นี้หมายถึงอมนุษย์ที่มีศักดิ์น้อย หรืออมนุษย์ที่มีศักดิ์มาก และคำว่า ผู้สิงสถิตอยู่บนภาคพื้น หมายถึง
ภุมมเทวดาคือเทวดาที่บังเกิดบนพื้นดิน ต้นไม้ และภูเขา เป็นต้น (ขุ.ขุ.อ. 6/145)
3 ผู้สิงสถิตอยู่ในอากาศ หมายถึงเทวดาที่บังเกิดในวิมานในอากาศตั้งแต่สวรรค์ชั้นยามาจนถึงพรหมโลก
ชั้นอกนิษฐา (ขุ.ขุ.อ. 6/145)
4 ประณีต ในที่นี้หมายถึงสูงสุด ประเสริฐสุด (ขุ.ขุ.อ. 6/149)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :9 }