พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [3. มหาวรรค] 12. ทวยตานุปัสสนาสูตร
(2) ภิกษุทั้งหลาย หากมีผู้ถามว่า การพิจารณาเห็นธรรมแยกออกเป็น
2 คู่โดยชอบเนือง ๆ ด้วยวิธีอื่นยังมีอีกบ้างไหม ควรตอบเขาว่า มี หากเขาถาม
ต่อไปอีกว่า มีอย่างไร ควรตอบเขาว่า มีอย่างนี้ คือ การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า
ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์นั้นทั้งหมดย่อมเกิดเพราะอุปธิ1เป็นปัจจัย นี้เป็น
คู่ที่ 1 การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า เพราะอุปธิทั้งหลายนั้นเองดับลงโดยการ
คายกิเลสได้หมด ทุกข์จึงเกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป นี้เป็นคู่ที่ 2
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรมแยกออกเป็น 2 คู่โดยชอบเนือง ๆ
อย่างนี้ ฯลฯ จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[734] ทุกข์หลายรูปแบบอะไรก็ตามในโลก
ล้วนเกิดมาจากอุปธิเป็นต้นเหตุ
ผู้ใดแล ไม่มีปัญญา ก่ออุปธิ
ผู้นั้นจัดว่าเป็นคนเขลา ย่อมเข้าถึงทุกข์บ่อย ๆ
เพราะฉะนั้น บุคคลรู้อยู่เป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็นทุกข์ว่า
มีชาติเป็นแดนเกิด ไม่ควรก่ออุปธิ
(3) ภิกษุทั้งหลาย หากมีผู้ถามว่า การพิจารณาเห็นธรรมแยกออกเป็น
2 คู่โดยชอบเนือง ๆ ด้วยวิธีอื่นยังมีอีกบ้างไหม ควรตอบเขาว่า มี หากเขาถาม
ต่อไปอีกว่า มีอย่างไร ควรตอบเขาว่า มีอย่างนี้ คือ การพิจารณาเห็นเนือง ๆ
ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ทุกข์นั้นทั้งหมดย่อมเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
นี้เป็นคู่ที่ 1 การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า เพราะอวิชชานั้นเองดับลงโดยการ
คายกิเลสได้หมด ทุกข์จึงเกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป นี้เป็นคู่ที่ 2
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรมแยกออกเป็น 2 คู่โดยชอบเนือง ๆ
อย่างนี้ ฯลฯ จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
เชิงอรรถ :
1 อุปธิ ในที่นี้หมายถึงกรรม (ขุ.สุ.อ. 2/733/338)