เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [3. มหาวรรค] 6. สภิยสูตร
(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้)
[540] สภิยะ บุคคลผู้สดับแล้ว รู้ยิ่งธรรมทั้งปวง
ครอบงำธรรมทั้งที่มีโทษและไม่มีโทษต่าง ๆ มีอยู่ในโลกได้
หมดความสงสัย มีจิตหลุดพ้น
ไม่มีความทุกข์ในธรรมทั้งปวง1
บัณฑิตเรียกว่า ผู้มีสุตะ
[541] บุคคลผู้มีปัญญา ตัดอาลัยและอาสวะได้แล้ว
ไม่ถือกำเนิดเกิดในครรภ์อีก
ละสัญญา 3 อย่าง และละเปือกตมคือกามได้
ไม่กลับมาสู่กัป2อีก
บัณฑิตเรียกว่า อริยะ
[542] ในศาสนานี้ บุคคลผู้บรรลุธรรมที่ควรบรรลุเพราะจรณะ3
เป็นผู้ฉลาด รู้ธรรมได้ในกาลทุกเมื่อ
ไม่ข้องอยู่ในธรรมทั้งปวง
มีจิตหลุดพ้นแล้ว ไม่มีปฏิฆะ
บัณฑิตเรียกว่า ผู้มีจรณะ
[543] บุคคลผู้กำจัดธรรมที่มีทุกข์เป็นวิบากซึ่งมีอยู่
ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบันได้แล้ว
ประพฤติตนอยู่ด้วยปัญญาพิจารณา

เชิงอรรถ :
1 ธรรมทั้งปวง ในที่นี้หมายถึงขันธ์ และอายตนะ เป็นต้น (ขุ.สุ.อ. 2/540/258)
2 กัป ในที่นี้หมายถึงตัณหาและทิฏฐิ (ขุ.สุ.อ. 2/541/258)
3 จรณะ หมายถึงความประพฤติ,ปฏิปทา ในที่นี้หมายถึงจรณะ 15 คือ (1) สีลสัมปทา (ความถึงพร้อม
ด้วยศีล) (2) อินทรียสังวร (การสำรวมอินทรีย์) (3) โภชเนมัตตัญญุตา (ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการ
บริโภค (4) ชาคริยานุโยค (การหมั่นประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่น) (5) ศรัทธา (6) หิริ
(7) โอตตัปปะ (8) ความเป็นพหูสูต (9) วิริยารัมภะ (ปรารภความเพียร) (10) ความมีสติมั่นคง
(11) ปัญญา (12) ปฐมฌาน (13) ทุติยฌาน (14) ตติยฌาน (15) จตุตถฌาน (ม.ม. (แปล) 13/23-26/
26-30, ขุ.สุ.อ. 2/542/259)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :626 }