พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน [4. เมฆิยวรรค] 4. ยักขปหารสูตร
ขณะนั้นมียักษ์ 2 ตนเป็นสหายกัน เดินทางจากทิศเหนือไปทางทิศใต้เพื่อ
ทำกิจที่จะต้องทำบางอย่าง ยักษ์ทั้งสองนั้นได้เห็นท่านพระสารีบุตรปลงผมใหม่ ๆ
นั่งเข้าสมาธิอยู่ในที่แจ้ง ยักษ์ตนหนึ่งได้กล่าวกับยักษ์อีกตนหนึ่งว่า สหาย เราคิด
อยากตีศีรษะสมณะรูปนี้ เมื่อยักษ์ตนนั้นกล่าวอย่างนี้ ยักษ์ตนหนึ่งจึงกล่าวดังนี้ว่า
อย่าเลยสหาย ท่านอย่าทำร้ายสมณะเลย สมณะรูปนั้นมีคุณยิ่ง มีฤทธิ์มาก
มีอานุภาพมาก
แม้ครั้งที่ 2 ยักษ์ตนนั้นได้กล่าวกับยักษ์ตนหนึ่งดังนี้ว่า สหาย เราคิดอยากตี
ศีรษะสมณะรูปนี้
ยักษ์ตนหนึ่งได้กล่าวกับยักษ์ตนนั้นดังนี้ว่า อย่าเลยสหาย ท่านอย่าทำร้าย
สมณะเลย สมณะรูปนั้นมีคุณยิ่ง มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
แม้ครั้งที่ 3 ยักษ์ตนนั้นได้กล่าวกับยักษ์ตนหนึ่งดังนี้ว่า สหาย เราคิดอยากตี
ศีรษะสมณะรูปนี้
ยักษ์ตนหนึ่งก็ได้กล่าวกับยักษ์ตนนั้นดังนี้ว่า อย่าเลยสหาย ท่านอย่าทำร้าย
สมณะเลย สมณะรูปนั้นมีคุณยิ่ง มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
ครั้งนั้น ยักษ์นั้นไม่เชื่อยักษ์ผู้เป็นสหาย จึงได้ตีศีรษะท่านพระสารีบุตรเถระ
เป็นการตีอย่างรุนแรง การตีเช่นนั้น สามารถทำให้ช้างสูง 7-8 ศอกจมดินได้
หรือสามารถทำลายยอดภูเขามหึมาให้ทลายลงได้ และทันใดนั้นเอง ยักษ์ตนนั้นได้
ร้องว่า โอย ร้อนเหลือเกิน แล้วล้มตกไปสู่มหานรก ณ ที่นั้นเอง
ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นยักษ์ตนนั้นตีศีรษะท่านพระสารีบุตร ด้วย
ตาทิพย์อันบริสุทธิ์เหนือมนุษย์ จึงเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรแล้วได้กล่าวกับท่าน
พระสารีบุตรดังนี้ว่า ท่านสารีบุตร ท่านยังสบายดีหรือ ยังพอเป็นอยู่ได้หรือ ไม่มี
ทุกข์อะไรหรือ
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ท่านโมคคัลลานะ ผมสบายดี พอเป็นอยู่ได้
เพียงแต่เจ็บที่ศีรษะนิดหน่อย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน [4. เมฆิยวรรค] 4. ยักขปหารสูตร
ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ท่าน
สารีบุตร ท่านมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากจริง ยักษ์ตนหนึ่งได้ตีศีรษะท่านในที่นี้
เป็นการตีอย่างรุนแรง การตีเช่นนี้สามารถทำให้ช้างสูง 7-8 ศอกจมดินได้ หรือ
สามารถทำลายยอดภูเขามหึมาให้ทลายลงได้ แต่กระนั้น ท่านก็ยังกล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านโมคคัลลานะ ผมสบายดี พอเป็นอยู่ได้ เพียงแต่เจ็บที่ศีรษะนิดหน่อย
ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ท่านโมคคัลลานะ
ท่านมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากจริง เห็นแม้กระทั่งยักษ์ ส่วนผมขณะนี้ แม้แต่ปีศาจ
คลุกฝุ่นสักตนก็ยังไม่เห็น
พระผู้มีพระภาคได้ทรงสดับเสียงสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ของพระอัครสาวก
ทั้ง 2 รูปนั้นด้วยพระโสตทิพย์อันบริสุทธิ์เหนือมนุษย์
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้
ในเวลานั้นว่า
พุทธอุทาน
จิตของใครตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ดุจภูเขา
ไม่กำหนัดในอารมณ์อันชวนให้กำหนัด
ไม่ขัดเคืองในอารมณ์อันชวนให้ขัดเคือง
ผู้ใด อบรมจิตได้อย่างนี้
ทุกข์จะมาถึงผู้นั้นแต่ที่ไหน1
ยักขปหารสูตรที่ 4 จบ
เชิงอรรถ :
1 ขุ.เถร. (แปล) 26/191/365