พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน [1. โพธิวรรค] 8. สังคมชิสูตร
ถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้ส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้น 3 ครั้ง ณ ที่ใกล้พระผู้มีพระภาคว่า
อักกุโล ปักกุโล แล้วพูดว่า สมณะ นั่นปีศาจ1ปรากฏแก่ท่าน
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้
ในเวลานั้นว่า
พุทธอุทาน2
เมื่อใด บุคคลถึงฝั่งในธรรมของตน ชื่อว่าเป็นพราหมณ์
เมื่อนั้น บุคคลนั้นย่อมไม่กลัวปีศาจ และเสียงร้องโหยหวนอย่างนี้
อชกลาปกสูตรที่ 7 จบ
8. สังคามชิสูตร
ว่าด้วยพระสังคามชิเถระ
[8] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
บิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้น ท่านพระสังคามชิเดินทางมาถึงกรุงสาวัตถี
โดยลำดับเพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาค อดีตภรรยาของท่านพระสังคามชิได้ฟังข่าวว่า
ทราบว่าพระคุณเจ้าสังคามชิถึงกรุงสาวัตถีโดยลำดับแล้ว นางจึงอุ้มลูกน้อยไปยัง
พระเชตวัน
สมัยนั้น ท่านพระสังคามชินั่งพักกลางวันอยู่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง ครั้งนั้น อดีต
ภรรยาของท่านพระสังคามชิเข้าไปหาถึงที่พัก ได้กล่าวกับท่านพระสังคามชิ ดังนี้ว่า
เชิงอรรถ :
1 ปีศาจ ในที่นี้หมายถึงยักษ์เนรมิตรูปร่างใหญ่โตน่ากลัว ยืนเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค (ขุ.อุ.อ.
7/71)
2 พุทธอุทานนี้ ทรงเปล่งแสดงธรรมานุภาพที่เป็นเหตุให้ไม่ทรงคำนึงถึงการกระทำน่ากลัวใด ๆ (ขุ.อุ.อ. 7/71)
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน [1. โพธิวรรค] 8. สังคมชิสูตร
ข้าแต่สมณะ ขอท่านจงเลี้ยงดูดิฉันผู้มีลูกน้อยเถิด เมื่อนางกล่าวอย่างนี้แล้ว
ท่านพระสังคามชิได้นิ่งอยู่
แม้ครั้งที่ 2 นางก็ได้กล่าวกับท่านพระสังคามชิดังนี้ว่า ข้าแต่สมณะ ขอท่าน
จงเลี้ยงดูดิฉันผู้มีลูกน้อยเถิด
ท่านพระสังคามชิก็ได้นิ่งอยู่
แม้ครั้งที่ 3 นางก็ได้กล่าวกับท่านพระสังคามชิดังนี้ว่า ข้าแต่สมณะ ขอท่าน
จงเลี้ยงดูดิฉันผู้มีลูกน้อยเถิด
ท่านพระสังคามชิก็ได้นิ่งอยู่
ครั้งนั้น อดีตภรรยาของท่านพระสังคามชิจึงอุ้มลูกน้อยนั้นไปวางไว้ข้างหน้า
ท่านพระสังคามชิแล้วเดินหนีไปโดยพูดว่า สมณะ นั่นลูกของท่าน จงเลี้ยงดูลูกนั้น
ด้วยเถิด
ครั้งนั้น ท่านพระสังคามชิทั้งไม่แลดูและไม่พูดกับเด็กน้อยนั้นเลย ขณะนั้น
อดีตภรรยาของท่านพระสังคามชิไปแอบดูอยู่ในที่ไม่ไกลนัก ได้เห็นท่านทั้งไม่แลดู
และไม่พูดกับเด็กน้อยนั้น จึงคิดว่า สมณะนี้ คงไม่ต้องการลูกน้อย จึงกลับออก
จากที่นั้นแล้วอุ้มลูกน้อยเดินไป
พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นอดีตภรรยาของท่านพระสังคามชิแสดง
อาการแปลกอย่างนั้นด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้
ในเวลานั้นว่า