เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท 26. พราหมณวรรค 3. มารวัตถุ
2. สัมพหุลภิกขุวัตถุ
เรื่องภิกษุหลายรูป
(พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุ 30 รูป ดังนี้)
[384] เมื่อใด พราหมณ์เป็นผู้ถึงฝั่งในธรรมทั้งสอง1
เมื่อนั้น สังโยคะ2ทั้งหมดของเขาผู้รู้อยู่
ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้

3. มารวัตถุ
เรื่องมาร
(พระผู้มีพระภาคเมื่อตรัสพระคาถานี้แก่มารผู้ถามเรื่องฝั่ง ดังนี้)
[385] ผู้ใดไม่มีฝั่งนี้3 ไม่มีฝั่งโน้น4 หรือไม่มีทั้งฝั่งนี้และฝั่งโน้น
เราเรียกผู้นั้นซึ่งปราศจากความกระวนกระวาย
ปลอดจากกิเลสแล้วว่า พราหมณ์

เชิงอรรถ :
1 ธรรมทั้งสอง หมายถึงสมถะ และวิปัสสนา (ขุ.ธ.อ. 8/93)
2 สังโยคะ หมายถึงโยคะ(สภาวะอันประกอบสัตว์ไว้ในภพ) มี 4 คือ กาม ภพ ทิฏฐิ และอวิชชา (ขุ.ธ.อ.
8/93) และดูความหมายของคำว่า “โยคะ” ใน ขุ.ธ.อ. 2/62, ขุ.ธ.อ. 8/109 ประกอบ
3 ไม่มีฝั่งนี้ หมายถึงไม่มีความยึดถืออายตนะภายใน 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ) ว่า “เรา” หรือ
“ของเรา” (ขุ.ธ.อ. 8/106)
4 ไม่มีฝั่งโน้น หมายถึงไม่มีความยึดถืออายตนะภายนอก 6 (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ
ธรรมารมณ์) ว่า “เรา” หรือ “ของเรา” (ขุ.ธ.อ. 8/93)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :153 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท 26. พราหมณวรรค 5. อานันทเถรวัตถุ
4. อัญญตรพราหมณวัตถุ
เรื่องพราหมณ์คนใดคนหนึ่ง
(พระผู้มีพระภาคเมื่อตรัสพระคาถานี้แก่พราหมณ์ผู้ถามเรื่องพราหมณ์ ดังนี้)
[386] ผู้เพ่งพินิจ ปราศจากธุลี
อยู่ตามลำพัง ทำกิจเสร็จแล้ว หมดอาสวะ
บรรลุประโยชน์สูงสุด1
เราเรียกว่า พราหมณ์

5. อานันทเถรวัตถุ
เรื่องพระอานนทเถระ
(พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่พระอานนทเถระ ดังนี้)
[387] ดวงอาทิตย์ส่องสว่างเฉพาะกลางวัน
ดวงจันทร์ส่องสว่างเฉพาะกลางคืน
กษัตริย์ทรงเครื่องรบแล้ว จึงสง่างาม
พราหมณ์เพ่งพินิจ จึงสง่างาม
แต่พระพุทธเจ้าทรงสง่างามด้วยพระเดช2
ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

เชิงอรรถ :
1 ประโยชน์สูงสุด หมายถึงอรหัตตผล (ขุ.ธ.อ. 8/93)
2 พระเดช ในที่นี้หมายถึงเดช 5 อย่าง คือ เดชแห่งศีล เดชแห่งคุณ เดชแห่งปัญญา เดชแห่งบุญ และ
เดชแห่งธรรม (ขุ.ธ.อ. 8/96)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :154 }