พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [3. ตติยปัณณาสก์]
3. กุสินารวรรค 4. ภรัณฑุกาลามสูตร
ครั้นพอล่วงราตรีนั้นไป เจ้ามหานามศากยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับเจ้ามหานามศากยะ
นั้นดังนี้ว่า มหานามะ ศาสดา 3 จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก
ศาสดา 3 จำพวกไหนบ้าง คือ
1. ศาสดาบางท่านในโลกนี้บัญญัติการกำหนดรู้กาม ไม่บัญญัติการกำหนด
รู้รูป ไม่บัญญัติการกำหนดรู้เวทนา
2. ศาสดาบางท่านในโลกนี้บัญญัติการกำหนดรู้กามและบัญญัติการ
กำหนดรู้รูป ไม่บัญญัติการกำหนดรู้เวทนา
3. ศาสดาบางท่านในโลกนี้บัญญัติการกำหนดรู้กาม บัญญัติการกำหนด
รู้รูป และบัญญัติการกำหนดรู้เวทนา
มหานามะ ศาสดา 3 จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก
จุดมุ่งหมายของศาสดา 3 จำพวกนี้เป็นอย่างเดียวกันหรือต่างกัน เมื่อพระ
ผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรได้กล่าวกับเจ้ามหานามศากยะว่า
มหานามะ ท่านจงกราบทูลว่า จุดมุ่งหมายของศาสดา 3 จำพวกเป็นอย่างเดียว
กัน เมื่อภรัณฑุดาบสกล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับเจ้ามหานามศากยะ
ว่า มหานามะ เธอจงกล่าวว่า (จุดมุ่งหมายของศาสดา 3 จำพวก)ต่างกัน
แม้ในครั้งที่ 2 ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรได้กล่าวกับเจ้ามหานามศากยะว่า
มหานามะ ท่านจงกราบทูลว่า เป็นอย่างเดียวกัน แม้ในครั้งที่ 2 พระผู้มีพระ
ภาคก็ได้ตรัสกับเจ้ามหานามศากยะว่า มหานามะ เธอจงกล่าวว่า ต่างกัน แม้
ในครั้งที่ 3 ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรได้กล่าวกับเจ้ามหานามศากยะว่า มหานามะ
ท่านจงกราบทูลว่า เป็นอย่างเดียวกัน
แม้ในครั้งที่ 3 พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับเจ้ามหานามศากยะว่า มหานามะ
เธอจงกล่าวว่า ต่างกัน
ลำดับนั้น ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรคิดว่า เราถูกพระสมณโคดมรุกรานแล้ว
ถึง 3 ครั้งต่อหน้าเจ้ามหานามศากยะผู้มีศักดิ์ใหญ่ ทางที่ดี เราพึงหลีกไปเสียจาก
กรุงกบิลพัสดุ์ ทีนั้น ภรัณฑุดาบสกาลามโคตรไปจากกรุงกบิลพัสดุ์ หนีห่างจาก
กรุงกบิลพัสดุ์ ไม่หวนกลับมาอีกเลย
ภรัณฑุกาลามสูตรที่ 4 จบ
พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [3. ตติยปัณณาสก์]
3. กุสินารวรรค 5. หัตถกสูตร
5. หัตถกสูตร
ว่าด้วยหัตถกเทพบุตร
[128] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น หัตถกเทพบุตรเมื่อปฐมยามผ่านไป
มีวรรณะงดงามยิ่งนัก เปล่งรัศมีให้สว่างทั่วพระเชตวัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง
ที่ประทับ คิดว่าจักยืนตรงพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค กลับทรุดลงนั่งตรงพระ
พักตร์ของพระผู้มีพระภาค ไม่สามารถยืนอยู่ได้ เปรียบเหมือนเนยใสหรือน้ำมันที่
เขาเทลงบนทรายย่อมซึมลง ไม่ขังอยู่ หัตถกเทพบุตรคิดว่า จักยืนตรงพระพักตร์
ของพระผู้มีพระภาค กลับทรุดลงนั่งตรงพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ไม่สามารถ
ยืนอยู่ได้
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับหัตถกเทพบุตรว่า หัตถกะ ท่านจง
เนรมิตร่างอย่างหยาบ ๆ หัตถกเทพบุตรทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว เนรมิตร่าง
อย่างหยาบ ๆ ถวายอภิวาทแล้วได้ยืน ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัส
เรื่องนี้ กับหัตถกเทพบุตรดังนี้ว่า หัตถกะ ธรรมประจำตัวของท่านเมื่อครั้งที่เป็น
มนุษย์ในกาลก่อน บัดนี้ยังมีอยู่ประจำตัวท่านบ้างไหม
หัตถกเทพบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ธรรมประจำตัวของข้าพระ
องค์เมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์ในกาลก่อน มาบัดนี้ยังมีอยู่ประจำตัวของข้าพระองค์ และ
ธรรมที่ไม่ได้มีอยู่ประจำตัวข้าพระองค์เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ในกาลก่อน มาบัดนี้กลับ
มีอยู่ประจำตัวข้าพระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในปัจจุบันนี้พระผู้มีพระภาคประทับ
อยู่รายล้อมไปด้วยเหล่าภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระราชา มหาอำมาตย์
ของพระราชา พวกเดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้นเหมือน
กัน รายล้อมไปด้วยเทพบุตรทั้งหลายอยู่ พวกเทพบุตรพากันมาจากถิ่นไกลด้วยตั้ง
ใจว่าจักฟังธรรมในสำนักของหัตถกเทพบุตร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ยังไม่
อิ่ม ยังไม่เบื่อธรรม 3 ประการก็จุติเสียก่อน
ธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ