เมนู

พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [3. ตติยปัณณาสก์]
3. กุสินารวรรค 2. ภัณฑนสูตร

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการไป ในเรื่องนี้เราสันนิษฐานได้ว่า ท่านเหล่านั้นได้ละธรรม 3
ประการ คลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการอย่างแน่นอน
ท่านเหล่านั้นได้ละธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. เนกขัมมวิตก (ความตรึกปลอดจากกาม)
2. อพยาบาทวิตก (ความตรึกปลอดจากพยาบาท)
3. อวิหิงสาวิตก (ความตรึกปลอดจากการเบียดเบียน)
ท่านเหล่านั้นได้ละธรรม 3 ประการนี้
ท่านเหล่านั้นคลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. กามวิตก (ความตรึกในทางกาม)
2. พยาบาทวิตก (ความตรึกในทางพยาบาท)
3. วิหิงสาวิตก (ความตรึกในทางเบียดเบียน)
ท่านเหล่านั้นคลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการนี้
ภิกษุทั้งหลาย ในทิศใด ภิกษุทั้งหลายเกิดความบาดหมางกัน ทะเลาะวิวาทกัน
ใช้หอกคือปากทิ่มแทงกันอยู่ ทิศนี้ แม้เพียงคิดก็ไม่เป็นที่สำราญแก่เรา ไม่จำเป็น
ต้องพูดถึงการไป ในเรื่องนี้ เราสันนิษฐานได้ว่า ท่านเหล่านั้นได้ละธรรม 3 ประการ
คลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการอย่างแน่นอน
ในทิศใด ภิกษุทั้งหลายพร้อมเพรียงกัน ชื่นชมกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือน
น้ำนมกับน้ำ มองกันด้วยนัยน์ตาที่เปี่ยมด้วยความรักอยู่ ทิศนี้ แม้ไปเยือนก็เป็น
ที่สำราญแก่เรา ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการคิด ในเรื่องนี้ เราสันนิษฐานได้ว่า ท่าน
เหล่านั้นได้ละธรรม 3 ประการ คลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการอย่างแน่นอน
ท่านเหล่านั้นได้ละธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. กามวิตก 2. พยาบาทวิตก
3. วิหิงสาวิตก
ท่านเหล่านั้นคลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. เนกขัมมวิตก 2. อพยาบาทวิตก
3. อวิหิงสาวิตก
ท่านเหล่านั้นคลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 20 หน้า :372 }


พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [3. ตติยปัณณาสก์]
3. กุสินารวรรค 3. โคตมกเจติยสูตร

ในทิศใด ภิกษุทั้งหลายพร้อมเพรียงกัน ชื่นชมกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือน
น้ำนมกับน้ำ มองกันด้วยนัยน์ตาที่เปี่ยมด้วยความรักอยู่ ทิศนี้ แม้ไปเยือนก็เป็นที่
สำราญแก่เรา ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการคิด ในเรื่องนี้ เราสันนิษฐานได้ว่า ท่านเหล่านั้น
ได้ละธรรม 3 ประการนี้ คลุกคลีอยู่กับธรรม 3 ประการนี้อย่างแน่นอน

ภัณฑนสูตรที่ 2 จบ

3. โคตมกเจติยสูตร
ว่าด้วยพระธรรมเทศนาที่โคตมกเจดีย์

[126] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โคตมกเจดีย์1เขตกรุงเวสาลี
ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
เหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสเรื่องนี้ว่า
ภิกษุทั้งหลาย เรารู้ยิ่งแล้ว2จึงแสดงธรรม ไม่รู้ยิ่งแล้ว ไม่แสดงธรรม
เราแสดงธรรมมีเหตุ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ เราแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่
แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์ เมื่อเรานั้นรู้ยิ่งแล้วจึงแสดงธรรม ไม่รู้ยิ่งแล้วไม่แสดง
ธรรม แสดงธรรมมีเหตุ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่
แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์ เธอทั้งหลายควรทำตามคำสั่งสอน ควรทำตามคำ
พร่ำสอน ก็แลเธอทั้งหลายควรที่จะยินดี ควรที่จะชื่นชม ควรที่จะโสมนัสว่า
“พระผู้มีพระภาคเป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มี
พระภาคตรัสไว้ดีแล้ว พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว”
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ ภิกษุเหล่านั้นมีใจยินดี ต่างชื่นชมภาษิตของ
พระผู้มีพระภาค เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ สหัสสีโลกธาตุ3
ได้หวั่นไหวสั่นสะเทือนแล้ว

โคตมกเจติยสูตรที่ 3 จบ