พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [2. ทุติยปัณณาสก์]
4. สมณวรรค 2. คัทรภสูตร
1. การสมาทานอธิสีลสิกขา (สิกขาคือศีลอันยิ่ง)
2. การสมาทานอธิจิตตสิกขา (สิกขาคือจิตอันยิ่ง)
3. การสมาทานอธิปัญญาสิกขา (สิกขาคือปัญญาอันยิ่ง)
กิจที่สมณะควรทำ เป็นของสมณะ 3 ประการนี้แล
เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักมีความพอใจ
อย่างยิ่งในการสมาทานอธิสีลสิกขา เราจักมีความพอใจอย่างยิ่งในการสมาทานอธิจิตต-
สิกขา เราจักมีความพอใจอย่างยิ่งในการสมาทานอธิปัญญาสิกขา
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
สมณสูตรที่ 1 จบ
2. คัทรภสูตร
ว่าด้วยภิกษุที่ไม่มีไตรสิกขาเปรียบเหมือนลาในฝูงโค
[83] ภิกษุทั้งหลาย ลาติดตามฝูงโคไปข้างหลังร้องว่า แม้ตัวเราก็เป็นโค แม้
ตัวเราก็เป็นโค แต่มันไม่มีสีเหมือนโค ไม่มีเสียงเหมือนโค ไม่มีรอยเท้าเหมือนโค
มันเพียงแต่ติดตามไปข้างหลังเท่านั้น ร้องว่า แม้ตัวเราก็เป็นโค แม้ตัวเราก็เป็นโค
แม้ฉันใด
ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ติดตามไปข้างหลังหมู่ภิกษุ ประกาศ
ตนว่า แม้เราก็เป็นภิกษุ แม้เราก็เป็นภิกษุ แต่เธอไม่มีความพอใจในการสมาทาน
อธิสีลสิกขาเหมือนภิกษุอื่น ไม่มีความพอใจในการสมาทานอธิจิตตสิกขาเหมือนภิกษุอื่น
ไม่มีความพอใจในการสมาทานอธิปัญญาสิกขาเหมือนภิกษุอื่น ภิกษุนั้นเพียงแต่ติด
ตามไปข้างหลังหมู่ภิกษุ ประกาศตนว่า แม้เราก็เป็นภิกษุ แม้เราก็เป็นภิกษุ เท่านั้น
เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักมีความพอใจ
อย่างยิ่งในการสมาทานอธิสีลสิกขา เราจักมีความพอใจอย่างยิ่งในการสมาทาน
อธิจิตตสิกขา เราจักมีความพอใจอย่างยิ่งในการสมาทานอธิปัญญาสิกขา
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
คัทรภสูตรที่ 2 จบ