พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [2. ทุติยปัณณาสก์]
3. อานันทวรรค 7.ทุติยภวสูตร
พระผู้มีพระภาคตรัสถามต่อไปอีกว่า อานนท์ ถ้ากรรมที่อำนวยผลให้ใน
รูปธาตุจักไม่มีแล้ว รูปภพพึงปรากฏบ้างไหม
พระอานนท์กราบทูลว่า ไม่พึงปรากฏเลย พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อานนท์ เพราะเหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา
วิญญาณจึงชื่อว่าเป็นพืช ตัณหา จึงชื่อว่าเป็นยางเหนียว วิญญาณดำรงมั่นอยู่ได้
เพราะธาตุอย่างกลาง1ของสัตว์ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องปิดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ
การเกิดในภพใหม่จึงมีต่อไปอีกด้วยประการฉะนี้
พระผู้มีพระภาคตรัสถามต่อไปอีกว่า อานนท์ ถ้ากรรมที่อำนวยผลให้ใน
อรูปธาตุจักไม่มีแล้ว อรูปภพพึงปรากฏบ้างไหม
พระอานนท์กราบทูลว่า ไม่พึงปรากฏเลย พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อานนท์ เพราะเหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา
วิญญาณจึงชื่อว่าเป็นพืช ตัณหาจึงชื่อว่าเป็นยางเหนียว วิญญาณดำรงมั่นอยู่ได้เพราะ
ธาตุอย่างประณีต2ของสัตว์ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องปิดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ
การเกิดในภพใหม่จึงมีต่อไปอีกด้วยประการฉะนี้ อานนท์ ภพมีได้ด้วยเหตุดังกล่าว
มานี้แล
ปฐมภวสูตรที่ 6 จบ
7. ทุติยภวสูตร
ว่าด้วยเหตุเกิดแห่งภพ สูตรที่ 2
[78] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย
อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลกับพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ พระองค์ตรัสเรียกว่า ภพ ภพ ด้วยเหตุเพียงไร ภพจึงมีได้ พระพุทธเจ้าข้า