เมนู

พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์]
4. เทวทูตวรรค 6. เทวทูตสูตร

ภิกษุทั้งหลาย พญายมสอบสวนซักไซ้ไล่เลียงเขาถึงเทวทูตที่ 1 ว่า “เจ้า
ไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 1 ปรากฏในหมู่มนุษย์บ้างหรือ”
เขาตอบว่า “ไม่เคยเห็น พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “ในหมู่มนุษย์ สตรีหรือบุรุษมีอายุ 80 ปี... 90 ปี...
หรือ 100 ปี... เป็นคนชรา มีซี่โครงคด หลังโกง หลังค่อม ถือไม้เท้า เดินงก ๆ
เงิ่น ๆ เก้ ๆ กัง ๆ หมดความเป็นหนุ่มสาว ฟันหัก ผมหงอก ศีรษะล้าน หนังเหี่ยว
ตัวตกกระ เจ้าไม่เคยเห็นบ้างหรือ”
เขาตอบว่า “เคยเห็น พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “เจ้านั้นเป็นผู้รู้เดียงสา เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดอย่างนี้เลย
หรือว่า ‘ถึงตัวเราก็มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ เอาเถอะ
เราจะทำความดีทางกาย วาจา และใจ”
เขาตอบว่า “ไม่เคยคิด เพราะมัวประมาทอยู่ พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “เจ้าไม่ได้ทำความดีทางกาย วาจา และใจ เพราะมัว
ประมาทอยู่ เอาเถอะ เขาจะลงโทษเจ้าตามฐานะที่ประมาท ก็บาปกรรมนี้นั้น
บิดามารดา พี่ชายน้องชาย พี่หญิงน้องหญิง มิตรอำมาตย์ ญาติสาโลหิต เทวดา
สมณพราหมณ์ไม่ได้ทำให้เลย เจ้าทำเองแท้ ๆ เจ้านั่นเองต้องรับผลของบาปกรรม
นั้น”
2. พญายมครั้นสอบสวนซักไซ้ไล่เลียงเขาถึงเทวทูตที่ 1 แล้วจึงสอบสวน
ซักไซ้ไล่เลียงถึงเทวทูตที่ 2 ว่า “เจ้าไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 2 ปรากฏ
ในหมู่มนุษย์บ้างหรือ”
เขาตอบว่า “ไม่เคยเห็น พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “ในหมู่มนุษย์ สตรีหรือบุรุษป่วย ประสพทุกข์ เป็นไข้หนัก
นอนจมอยู่ในมูตรและกรีสของตน ผู้อื่นต้องช่วยพยุงให้ลุกขึ้นช่วยป้อนอาหาร เจ้า
ไม่เคยเห็นบ้างหรือ”
เขาตอบว่า “เคยเห็น พระเจ้าข้า”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 20 หน้า :192 }


พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์]
4. เทวทูตวรรค 6. เทวทูตสูตร

พญายมถามเขาว่า “เจ้านั้นเป็นผู้รู้เดียงสา เป็นผู้ใหญ่ ไม่เคยคิดบ้างหรือว่า
‘ถึงตัวเราก็ต้องป่วยไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความป่วยไข้ไปได้ เอาเถอะ เราจะ
ทำความดีทางกาย วาจา และใจ”
เขาตอบว่า “ไม่เคยคิด เพราะมัวประมาทอยู่ พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “เจ้าไม่ได้ทำความดีทางกาย วาจา และใจ เพราะมัว
ประมาทอยู่ เอาเถอะ เขาจะลงโทษเจ้าตามฐานะที่ประมาท ก็บาปกรรมนั้น
บิดามารดา พี่ชายน้องชาย พี่หญิงน้องหญิง มิตรอำมาตย์ ญาติสาโลหิต เทวดา
สมณพราหมณ์ไม่ได้ทำให้เลย เจ้าทำเองแท้ ๆ เจ้านั่นเองต้องรับผลของบาปกรรมนั้น”
3. พญายมครั้นสอบสวนซักไซ้ไล่เลียงเขาถึงเทวทูตที่ 2 แล้วจึงสอบ
สวน ซักไซ้ไล่เลียงถึงเทวทูตที่ 3 ว่า “เจ้าไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 3
ที่ปรากฏในหมู่มนุษย์บ้างหรือ”
เขาตอบว่า “ไม่เคยเห็น พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “ในหมู่มนุษย์ สตรีหรือบุรุษที่ตายได้ 1 วัน 2 วัน หรือ
3 วัน พองขึ้น เป็นสีเขียว มีน้ำเหลืองแตกซ่าน เจ้าไม่เคยเห็นบ้างหรือ”
เขาตอบว่า “เคยเห็น พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “เจ้าเป็นผู้รู้เดียงสา เป็นผู้ใหญ่ ไม่เคยคิดบ้างหรือว่า
ถึงตัวเราก็มีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ เอาเถอะ เราจะทำ
ความดีทางกาย วาจา และใจ”
เขาตอบว่า “ไม่เคยคิด เพราะมัวประมาทอยู่ พระเจ้าข้า”
พญายมถามเขาว่า “เจ้าไม่ได้ทำความดีทางกาย วาจา และใจ เพราะมัว
ประมาทอยู่ เอาเถอะ เขาจะลงโทษเจ้าตามฐานะที่ประมาท ก็บาปกรรมนั้น
บิดามารดา พี่ชายน้องชาย พี่หญิงน้องหญิง มิตรอำมาตย์ ญาติสาโลหิต เทวดา
สมณพราหมณ์ไม่ได้ทำให้เลย เจ้าทำเองแท้ ๆ เจ้านั่นเองต้องรับผลของบาปกรรมนั้น”
พญายมครั้นสอบสวนซักไซ้ไล่เลียงเขาถึงเทวทูตที่ 3 นั้นแล้วก็นิ่งเสีย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 20 หน้า :193 }