เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [8. คามณิสังยุต] 12. ราสิยสูตร

ควรสรรเสริญโดย 2 สถาน อะไรบ้าง คือ
1. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 1 นี้ว่า ‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม
ด้วยการงานที่ไม่ผิด’
2. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘เลี้ยงตนให้อิ่มหนำสำราญ’
ควรติเตียนโดยสถานเดียว คืออะไร
คือ ควรติเตียนโดยสถานเดียวนี้ว่า ‘ไม่แจกจ่าย ไม่ทำบุญ’
กามโภคีบุคคลนี้ควรสรรเสริญโดย 2 สถานนี้ ควรติเตียนโดยสถานเดียว
นี้ (8)
กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรมด้วยการงานที่ไม่ผิด ครั้น
แสวงหาได้แล้ว เลี้ยงตนให้อิ่มหนำสำราญ แจกจ่าย และทำบุญ แต่เป็นผู้มัวเมา
หมกมุ่น จดจ่อ ไม่เห็นโทษ ไม่มีปัญญาเครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่า
นั้นอยู่ ควรสรรเสริญโดย 3 สถาน ควรติเตียนโดยสถานเดียว คือ
ควรสรรเสริญโดย 3 สถาน อะไรบ้าง คือ
1. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 1 นี้ว่า ‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม
ด้วยการงานที่ไม่ผิด’
2. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘เลี้ยงตนให้อิ่มหนำสำราญ’
3. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 3 นี้ว่า ‘แจกจ่าย และทำบุญ’
ควรติเตียนโดยสถานเดียว คืออะไร
คือ ควรติเตียนโดยสถานเดียวนี้ว่า ‘เป็นผู้มัวเมา หมกมุ่น จดจ่อ ไม่เห็นโทษ
ไม่มีปัญญาเครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้นอยู่’
กามโภคีบุคคลนี้ควรสรรเสริญโดย 3 สถานนี้ ควรติเตียนโดยสถานเดียว
นี้ (9)
กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรมด้วยการงานที่ไม่ผิด ครั้น
แสวงหาได้แล้ว เลี้ยงตนให้อิ่มหนำสำราญ ทั้งแจกจ่ายและทำบุญ แต่ไม่มัวเมา
ไม่หมกมุ่น ไม่จดจ่อ เห็นโทษ มีปัญญาเครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้น
อยู่ ควรสรรเสริญโดย 4 สถาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :426 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [8. คามณิสังยุต] 12. ราสิยสูตร

ควรสรรเสริญโดย 4 สถาน อะไรบ้าง คือ
1. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 1 นี้ว่า ‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม
ด้วยการงานที่ไม่ผิด’
2. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘เลี้ยงตนให้อิ่มหนำสำราญ’
3. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 3 นี้ว่า ‘แจกจ่ายและทำบุญ’
4. ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 4 นี้ว่า ‘ไม่มัวเมา ไม่หมกมุ่น ไม่จดจ่อ
เห็นโทษ มีปัญญาเครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้นอยู่’
กามโภคีบุคคลนี้ควรสรรเสริญโดย 4 สถานนี้ (10)
ผู้บำเพ็ญตบะเป็นอยู่เศร้าหมอง 3 จำพวก
ผู้ใหญ่บ้าน บุคคลผู้บำเพ็ญตบะ เป็นอยู่เศร้าหมอง 3 จำพวกนี้มีปรากฏ
อยู่ในโลก
บุคคลผู้บำเพ็ญตบะเป็นอยู่เศร้าหมอง 3 จำพวก ไหนบ้าง คือ
1. บุคคลบางคนในโลกนี้บำเพ็ญตบะเป็นอยู่เศร้าหมอง มีศรัทธา ออกจาก
เรือนบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า ‘ไฉนหนอเราพึงบรรลุกุศลธรรม ไฉน
หนอเราพึงทำให้แจ้งญาณทัสสนะที่ประเสริฐอันสามารถอันวิเศษยิ่งกว่า
ธรรมของมนุษย์’ เขาทำตนให้เดือดร้อนกระวนกระวาย ไม่บรรลุกุศลธรรม
และไม่ทำให้แจ้งญาณทัสสนะที่ประเสริฐอันสามารถอันวิเศษยิ่งกว่าธรรม
ของมนุษย์ (1)
2. อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้บำเพ็ญตบะเป็นอยู่เศร้าหมอง มีศรัทธา ออก
จากเรือนบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า ‘ไฉนหนอเราพึงบรรลุกุศลธรรม
ไฉนหนอเราพึงทำให้แจ้งญาณทัสสนะที่ประเสริฐอันสามารถอันวิเศษ
ยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์’ เขาทำตนให้เดือดร้อนกระวนกระวาย บรรลุ
กุศลธรรม แต่ไม่ทำให้แจ้งญาณทัสสนะที่ประเสริฐอันสามารถอันวิเศษ
ยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ (2)
3. อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้บำเพ็ญตบะเป็นอยู่เศร้าหมอง มีศรัทธา ออก
จากเรือนบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า ‘ไฉนหนอเราพึงบรรลุกุศลธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :427 }