เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [10. ภิกขุสังยุต] 1. โกลิตสูตร

10. ภิกขุสังยุต

1. โกลิตสูตร
ว่าด้วยพระโกลิตะ

[235] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก-
เศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ณ ที่นั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะเรียกภิกษุทั้งหลายมากล่าว
ว่า “ผู้มีอายุทั้งหลาย” ภิกษุทั้งหลายรับคำท่านพระมหาโมคคัลลานะแล้ว ท่านจึง
ได้กล่าวดังนี้ว่า
“ผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อกระผมหลีกเร้นอยู่ในที่สงัดแห่งนี้ ได้เกิดความคิด
ปริวิตกว่า ‘ที่เรียกว่า ‘ดุษณีภาพอันประเสริฐ ดุษณีภาพอันประเสริฐ’ ดุษณีภาพ
อันประเสริฐเป็นอย่างไร’ ผมได้มีความคิดว่า ‘เพราะวิตกวิจารสงบระงับไปแล้ว
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ได้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสภายใน มีภาวะที่จิตเป็น
หนึ่งผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิอยู่ นี้เรียกว่า
‘ดุษณีภาพอันประเสริฐ’ เพราะวิตกวิจารสงบระงับไปแล้ว ผมนั้นบรรลุทุติยฌาน
มีความผ่องใสภายใน มีภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและ
สุขอันเกิดจากสมาธิอยู่ กระผมนั้นเมื่ออยู่ด้วยวิหารธรรมนี้ สัญญาและมนสิการ
อันเกิดร่วมกับวิตกย่อมฟุ้งขึ้นได้
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปหาผมด้วยฤทธิ์ ได้ตรัสว่า ‘โมคคัลลานะ
โมคคัลลานะผู้เป็นพราหมณ์ อย่าประมาทดุษณีภาพอันประเสริฐ เธอจงรวมจิตตั้งไว้
ในดุษณีภาพอันประเสริฐ ทำจิตให้เป็นธรรมเอกผุดขึ้นในดุษณีภาพอันประเสริฐ ตั้งจิต
มั่นไว้ในดุษณีภาพอันประเสริฐ’ ต่อมา เพราะวิตกวิจารสงบระงับไปแล้ว ผมนั้นบรรลุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 16 หน้า :325 }