เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [8. ลักขณสังยุต]
2. ทุติยวรรค 10. ปาปสามเณรสูตร

8. ปาปภิกขุนีสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นภิกษุณีชั่ว1

[219] “ได้เห็นภิกษุณีเปรตลอยขึ้นสู่กลางอากาศ สังฆาฏิของมันถูกไฟติด
ลุกโชน” ฯลฯ

ปาปภิกขุนีสูตรที่ 8 จบ

9. ปาปสิกขมานาสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นสิกขมานาชั่ว2

[220] “ได้เห็นสิกขมานาเปรตลอยขึ้นสู่กลางอากาศ สังฆาฏิของมันถูกไฟติด
ลุกโชน จนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นสิกขมานาชั่ว” ฯลฯ

ปาปสิกขมานาสูตรที่ 9 จบ

10. ปาปสามเณรสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นสามเณรชั่ว3

[221] “ได้เห็นสามเณรเปรตลอยขึ้นสู่กลางอากาศ สังฆาฏิของมันถูกไฟติด
ลุกโชน จนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นสามเณรชั่ว” ฯลฯ

ปาปสามเณรสูตรที่ 10 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [8. ลักขณสังยุต]
2. ทุติยวรรค รวมพระสูตรที่มีในวรรค

11. ปาปสามเณรีสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นสามเณรีชั่ว1

[222] “ท่าน เมื่อกระผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นสามเณรีเปรตลอย
ขึ้นสู่กลางอากาศ สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว และร่างกายของมัน ถูกไฟติดลุกโชนจน
มันร้องครวญคราง กระผมมีความรู้สึกว่า ‘น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ที่มีสัตว์
เช่นนี้ มียักษ์เช่นนี้ มีการได้อัตภาพเช่นนี้อยู่’ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้รับสั่ง
เรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ‘ภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายที่มีจักษุมีญาณก็ยัง
มีอยู่ เพราะสาวกที่รู้ที่เห็นนี้เป็นพยานได้ เมื่อก่อนเราก็เห็นสามเณรีเปรตนั้น แต่ไม่
พยากรณ์ เพราะการพยากรณ์นั้น จะไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ซ้ำจะเป็นทุกข์ยาวนาน
แก่ผู้ที่ไม่เชื่อเรา
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นสามเณรีชั่วในพระศาสนาของพระกัสสปสัมมา-
สัมพุทธเจ้า เพราะผลกรรมนั้น สามเณรีนั้นจึงตกนรกหมกไหม้อยู่หลายปี หลาย
ร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปีแล้ว ได้รับอัตภาพเช่นนี้ เพราะเศษกรรมนั้น
ที่ยังเหลือ”

ปาปสามเณรีสูตรที่ 11 จบ
ทุติยวรรค จบ

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ

1. สสีสกสูตร 2. คูถขาทสูตร
3. นิจฉวิตถีสูตร 4. มังคุลิตถีสูตร
5. โอกิลินีสูตร 6. อสีสกสูตร
7. ปาปภิกขุสูตร 8. ปาปภิกขุนีสูตร
9. ปาปสิกขมานาสูตร 10. ปาปสามเณรสูตร
11. ปาปสามเณรีสูตร

ลักขณสังยุต จบบริบูรณ์