เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [8. ลักขณสังยุต]
2. ทุติยวรรค 7. ปาปภิกขุสูตร

5. โอกิลินีสูตร
ว่าด้วยเปรตร่างถูกไฟลวกเพศหญิง1

[216] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นโอกิลินีเปรตเพศหญิง
ถูกถ่านเพลิงเผารอบตัวจนสุกเยิ้ม หยาดน้ำไหลหยดลง ลอยขึ้นสู่กลางอากาศจน
มันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตหญิงตนนั้นเคยเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้ากาลิงคะ นางขี้หึง
เอากระทะมีถ่านไฟคลอกหญิงร่วมสามี” ฯลฯ

โอกิลินีสูตรที่ 5 จบ

6. อสีสกสูตร
ว่าด้วยเปรตศีรษะขาด2

[217] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นอสีสกพันธเปรตลอย
ขึ้นสู่กลางอากาศ ตาและปากของมันอยู่ที่อก ฝูงแร้ง นกกา นกเหยี่ยวพากันโฉบอยู่
ขวักไขว่จิกทึ้งยื้อแย่งเปรตนั้นสะบัดไปมาจนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นเพชฌฆาตฆ่าโจรชื่อหาริกะในกรุงราชคฤห์” ฯลฯ

อสีสกสูตรที่ 6 จบ

7. ปาปภิกขุสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นภิกษุชั่ว3

[218] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นภิกษุเปรตลอยขึ้นสู่
กลางอากาศ สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว และร่างกายของมัน ถูกไฟติดลุกโชนจนมัน
ร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นภิกษุชั่วในพระศาสนาของพระกัสสปสัมมา-
สัมพุทธเจ้า” ฯลฯ

ปาปภิกขุสูตรที่ 7 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [8. ลักขณสังยุต]
2. ทุติยวรรค 10. ปาปสามเณรสูตร

8. ปาปภิกขุนีสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นภิกษุณีชั่ว1

[219] “ได้เห็นภิกษุณีเปรตลอยขึ้นสู่กลางอากาศ สังฆาฏิของมันถูกไฟติด
ลุกโชน” ฯลฯ

ปาปภิกขุนีสูตรที่ 8 จบ

9. ปาปสิกขมานาสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นสิกขมานาชั่ว2

[220] “ได้เห็นสิกขมานาเปรตลอยขึ้นสู่กลางอากาศ สังฆาฏิของมันถูกไฟติด
ลุกโชน จนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นสิกขมานาชั่ว” ฯลฯ

ปาปสิกขมานาสูตรที่ 9 จบ

10. ปาปสามเณรสูตร
ว่าด้วยเปรตมีรูปเป็นสามเณรชั่ว3

[221] “ได้เห็นสามเณรเปรตลอยขึ้นสู่กลางอากาศ สังฆาฏิของมันถูกไฟติด
ลุกโชน จนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นสามเณรชั่ว” ฯลฯ

ปาปสามเณรสูตรที่ 10 จบ