เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [1. นิทานสังยุต]
7. มหาวรรค 8. โกสัมพิสูตร

“ท่านปวิฏฐะ เว้นจากความเชื่อ เว้นจากความชอบใจ เว้นจากการฟังตาม
กันมา เว้นจากการคิดตรองตามแนวเหตุผล เว้นจากการเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจ
ไว้แล้ว ผมรู้เห็นว่า ‘เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ”
“ท่านนารทะ เว้นจากความเชื่อ เว้นจากความชอบใจ เว้นจากการฟังตาม
กันมา เว้นจากการคิดตรองตามแนวเหตุผล เว้นจากการเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจ
ไว้แล้ว ท่านนารทะมีความรู้เฉพาะตนว่า ‘ความดับแห่งภพเป็นนิพพานหรือ”
“ท่านปวิฏฐะ เว้นจากความเชื่อ เว้นจากความชอบใจ เว้นจากการฟังตาม
กันมา เว้นจากการคิดตรองตามแนวเหตุผล เว้นจากการเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจ
ไว้แล้ว ผมรู้เห็นว่า ‘ความดับแห่งภพเป็นนิพพาน”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านนารทะก็เป็นพระอรหันตขีณาสพละสิ”
“ท่านผู้มีอายุ ข้อว่า ‘ความดับแห่งภพเป็นนิพพาน’ ผมเห็นดีด้วยปัญญา
อันชอบตามความเป็นจริง แต่ผมไม่ใช่พระอรหันตขีณาสพ เปรียบเหมือนบ่อน้ำใน
ทางกันดารที่บ่อนั้นไม่มีเชือก ไม่มีคันโพง ทันใดนั้น มีบุรุษเดินฝ่าความร้อนอบอ้าว
เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากระหายน้ำมา เขามองดูบ่อน้ำนั้น ก็รู้ว่ามีน้ำ แต่สัมผัสด้วย
กายไม่ได้ อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น ข้อว่า ‘ความดับแห่งภพเป็นนิพพาน’
ผมก็เห็นดีด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง แต่ผมไม่ใช่พระอรหันตขีณาสพ”
เมื่อท่านพระนารทะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้ถามพระปวิฏฐะว่า
‘ท่านพระปวิฏฐะชอบพูดอย่างนี้ ท่านพูดอะไรกับท่านพระนารทะบ้าง”
“ท่านอานนท์ ผมชอบพูดอย่างนี้ ผมไม่ได้พูดอะไรกับท่านพระนารทะ นอกจาก
กัลยาณธรรม นอกจากกุศลธรรม”

โกสัมพิสูตรที่ 8 จบ