พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [1. คหปติวรรค] 6. อุปาลิวาทสูตร
นิครนถ์ นาฏบุตรก็ยังพูดว่า ตปัสสี เป็นไปไม่ได้เลยที่อุบาลีคหบดีจะพึง
เป็นสาวกของพระสมณโคดมนั้น แต่เป็นไปได้ที่พระสมณโคดมจะพึงเป็นสาวกของ
อุบาลีคหบดี
แม้ครั้งที่ 3 นิครนถ์ชื่อทีฆตปัสสีก็ได้กล่าวกับนิครนถ์ นาฏบุตรว่า ท่านผู้เจริญ
ข้าพเจ้าได้ยินว่า ข่าวว่า อุบาลีคหบดีเป็นสาวกของพระสมณโคดมแล้ว
นิครนถ์ นาฏบุตรก็ยังพูดด้วยความมั่นใจว่า ตปัสสี เป็นไปไม่ได้เลยที่อุบาลีคหบดี
จะพึงเป็นสาวกของพระสมณโคดมนั้น แต่เป็นไปได้ที่พระสมณโคดมจะพึงเป็นสาวก
ของอุบาลีคหบดี
นิครนถ์ชื่อทีฆตปัสสีกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ เอาเถิด ข้าพเจ้าจะไปดูให้รู้แน่ว่า
อุบาลีคหบดีเป็นสาวกของพระสมณโคดม จริงหรือไม่
นิครนถ์ นาฏบุตรจึงกล่าวว่า ตปัสสี ท่านไปเถิด จะได้รู้ว่า อุบาลีคหบดีเป็น
สาวกของพระสมณโคดม จริงหรือไม่
อุบาลีคหบดีไม่ต้อนรับนิครนถ์
[72] ต่อมา นิครนถ์ชื่อทีฆตปัสสีเข้าไปยังที่อยู่ของอุบาลีคหบดี นายประตู
เห็นเขาเดินมาแต่ไกลจึงบอกว่า
หยุดก่อนท่าน อย่าเข้าไปเลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อุบาลีคหบดีเป็นสาวก
ของพระสมณโคดมแล้ว อุบาลีคหบดีปิดประตูกันพวกนิครนถ์ทั้งชายและหญิง แต่
เปิดประตูไว้สำหรับพระผู้มีพระภาคและสาวกของพระผู้มีพระภาค คือ ภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา ถ้าท่านต้องการอาหารก็จงรออยู่ที่นี่แหละ จะมีคนนำมาให้ที่นี่เอง
นิครนถ์ชื่อทีฆตปัสสีบอกว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการอาหารหรอก แล้วกลับจาก
ที่นั้น เข้าไปหานิครนถ์ นาฏบุตรถึงที่อยู่แล้วกล่าวว่า
ท่านผู้เจริญ เป็นความจริงทีเดียวที่อุบาลีคหบดีเป็นสาวกของพระสมณโคดม
ข้อนั้นข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับท่านดังได้กล่าวไว้แล้วว่า การที่อุบาลีคหบดีจะโต้วาทะ
กับพระสมณโคดมนั้นข้าพเจ้าไม่ชอบใจเลย เพราะพระสมณโคดมเป็นคนมีมารยา