เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [5. พราหมณวรรค] 8. วาเสฏฐสูตร

เราเรียกบุคคลผู้ไม่คิดร้าย
เมื่อบุคคลอื่นยังคิดร้าย
ผู้สงบระงับเมื่อบุคคลอื่นยังมีอาชญาในตน
ผู้ไม่ยึดมั่นถือมั่นเมื่อบุคคลอื่น
ยังมีความยึดมั่นถือมั่นอยู่ว่า เป็นพราหมณ์
เราเรียกบุคคลผู้ทำราคะ โทสะ โมหะ
มานะ และมักขะ ให้ตกไปจากจิตได้
เหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดตกไป
จากปลายเหล็กแหลมว่า เป็นพราหมณ์
[459] เราเรียกบุคคลผู้เปล่งถ้อยคำไม่หยาบ
ให้รู้ความกันได้เป็นคำจริง
ซึ่งไม่เป็นเหตุทำใคร ๆ ให้ข้องอยู่ว่า เป็นพราหมณ์
เราเรียกบุคคลผู้ไม่ถือเอาสิ่งของ
ที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ในโลกนี้
ไม่ว่าจะยาวหรือสั้น จะเล็กหรือใหญ่
จะสวยงามหรือไม่สวยงามก็ตามว่า เป็นพราหมณ์
เราเรียกบุคคลผู้ไม่มีความหวัง
อยากเป็นโน่นเป็นนี่ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
หมดความทะยานอยากโดยสิ้นเชิง
มีจิตหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงแล้วว่า เป็นพราหมณ์
เราเรียกบุคคลผู้ไม่มีความอาลัยคือตัณหา
รู้แจ้งชัดจนหมดความสงสัย มีจิตน้อมไปสู่อมตธรรม
จนบรรลุได้ในที่สุดว่า เป็นพราหมณ์
เราเรียกบุคคลผู้ละบุญและบาปทั้ง 2 ได้
ล่วงพ้นกิเลสเครื่องข้องแล้ว หมดความเศร้าโศก
ปราศจากธุลีคือกิเลส เป็นผู้บริสุทธิ์ว่า เป็นพราหมณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 13 หน้า :579 }