พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [5. พราหมณวรรค] 4. โฆฏมุขสูตร
ผู้กำลังเดินจงกรมอยู่ ได้กล่าวอย่างนี้ว่า สมณะผู้เจริญ การบวชที่ถูกต้องไม่มี
ในการบวชนี้ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ เพราะในการบวชนี้บัณฑิตทั้งหลายเช่นท่านก็ยัง
ไม่เห็นธรรม
เมื่อโฆฏมุขพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุเทนจึงลงจากที่จงกรม
เข้าไปยังวิหารแล้วนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ แม้โฆฏมุขพราหมณ์ก็ลงจากที่จงกรม
เข้าไปยังวิหารแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร ท่านพระอุเทนได้กล่าวกับโฆฏมุขพราหมณ์
ว่า พราหมณ์ อาสนะมีอยู่ ถ้าท่านปรารถนาก็เชิญนั่งเถิด
โฆฏมุขพราหมณ์กล่าวว่า ข้าพเจ้ารอการเชื้อเชิญของท่านอุเทนอยู่จึงยัง
ไม่นั่ง เพราะคนเช่นข้าพเจ้าไม่มีใครเชื้อเชิญก่อนแล้ว จะพึงสำคัญการนั่งบนอาสนะ
ที่ควรนั่งก็ดูกระไรอยู่
ลำดับนั้นแล โฆฏมุขพราหมณ์เลือกนั่งแล้ว ณ ที่สมควรที่ใดที่หนึ่งซึ่งต่ำกว่า
แล้วได้กล่าวกับท่านพระอุเทนว่า สมณะผู้เจริญ การบวชที่ถูกต้องไม่มี ในการบวชนี้
ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ เพราะในการบวชนี้บัณฑิตทั้งหลายเช่นท่านก็ยังไม่เห็นธรรม
ท่านพระอุเทนกล่าวว่า พราหมณ์ ถ้าท่านจะพึงยอมรับคำที่ควรยอมรับ
และพึงคัดค้านคำที่ควรคัดค้านของเรา อนึ่ง ท่านยังไม่เข้าใจเนื้อความแห่งภาษิตใด
ก็ควรซักถามเราในภาษิตนั้นให้ยิ่งขึ้นไปว่า ท่านอุเทน ภาษิตนี้เป็นอย่างไร
เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร เพราะทำอย่างนี้ เราทั้งสองจะพึงมีการสนทนา
ปราศรัยกันในเรื่องนี้ได้
โฆฏมุขพราหมณ์กล่าวว่า ข้าพเจ้าจักยอมรับคำที่ควรยอมรับ และจักคัดค้าน
คำที่ควรคัดค้านของท่านอุเทน อนึ่ง ข้าพเจ้าไม่รู้เนื้อความแห่งภาษิตใดของท่าน
อุเทน ข้าพเจ้าจักซักถามท่านอุเทนในภาษิตนั้นให้ยิ่งขึ้นไปว่า ท่านอุเทน ภาษิตนี้
เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร เพราะทำอย่างนี้ เราทั้งสองจง
สนทนาปราศรัยกันในเรื่องนี้เถิด