พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [3. ปริพพาชกวรรค]
9. จูฬสกุลุทายิสูตร
ที่ข้าพระองค์เข้าไปยังบริษัทนี้ บริษัทนี้ก็นั่งมองดูแต่หน้าของข้าพระองค์ด้วยความ
ประสงค์ว่า สมณะอุทายี จักกล่าวธรรมใดแก่พวกเรา พวกเราจักฟังธรรมนั้น
และในเวลาที่พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้ามายังบริษัทนี้ ทั้งข้าพระองค์และบริษัทนี้ก็นั่ง
มองดูพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคด้วยความประสงค์ว่า พระผู้มีพระภาคจักตรัส
ธรรมใดแก่พวกเรา พวกเราจักฟังธรรมนั้น
ขันธ์ส่วนอดีตและขันธ์ส่วนอนาคต
[271] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อุทายี ถ้าเช่นนั้น ท่านจงตั้งปัญหาซึ่งจะ
เป็นเหตุให้เราแสดงธรรมในบริษัทนี้เถิด
สกุลุทายีปริพาชกกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันก่อน ๆ ท่านผู้เป็น
สัพพัญญู มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง ปฏิญญาญาณทัสสนะอย่างเบ็ดเสร็จว่า เมื่อเรา
เดินอยู่ หยุดอยู่ หลับอยู่ และตื่นอยู่ ญาณทัสสนะจะปรากฏต่อเนื่องตลอดไป
ท่านผู้นั้นถูกข้าพระองค์ถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตก็นำเรื่องอื่นมาพูดกลบเกลื่อน
ไถลไปพูดนอกเรื่อง ทั้งทำความโกรธ ความประทุษร้าย และความไม่พอใจให้ปรากฏ
ข้าพระองค์นั้นระลึกถึงพระผู้มีพระภาคว่า ผู้ฉลาดในธรรมเหล่านี้ต้องเป็นพระผู้มี
พระภาคแน่นอน ต้องเป็นพระสุคตแน่นอน
ท่านผู้เป็นสัพพัญญู มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง ปฏิญญาญาณทัสสนะอย่าง
เบ็ดเสร็จว่า เมื่อเราเดินอยู่ หยุดอยู่ หลับอยู่ และตื่นอยู่ ญาณทัสสนะจะปรากฏ
ต่อเนื่องตลอดไป ที่ถูกท่านถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตก็นำเรื่องอื่นมาพูด
กลบเกลื่อน ไถลไปพูดนอกเรื่อง ทั้งทำความโกรธ ความประทุษร้าย และความ
ไม่พอใจให้ปรากฏ เป็นใครเล่า
นิครนถ์ นาฏบุตร พระพุทธเจ้าข้า
ผู้ใดระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ 1 ชาติบ้าง 2 ชาติบ้าง ฯลฯ ระลึก
ชาติก่อนได้หลายชาติ พร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ ผู้นั้นควรถาม
ปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตกับเรา หรือเราควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตกับ