เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [2. ภิกขุวรรค] 3. จูฬมาลุกยสูตร

ถ้าพระผู้มีพระภาคจักไม่ตรัสตอบแก่เราว่า ‘โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง โลกมี
ที่สุด โลกไม่มีที่สุด ชีวะกับสรีระเป็นอย่างเดียวกัน ชีวะกับสรีระเป็นคนละอย่างกัน
หลังจากตายแล้วตถาคตเกิดอีก หลังจากตายแล้วตถาคตไม่เกิดอีก หลังจากตาย
แล้วตถาคตเกิดอีกและไม่เกิดอีก หลังจากตายแล้วตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่า
ไม่เกิดอีกก็มิใช่’ เราก็จักลาสิกขาไปเป็นคฤหัสถ์
ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ‘โลกเที่ยง’ ขอจงตรัสตอบข้าพระองค์เถิดว่า
‘โลกเที่ยง’
ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ‘โลกไม่เที่ยง’ ขอจงตรัสตอบข้าพระองค์เถิดว่า
‘โลกไม่เที่ยง’
ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงทราบว่า ‘โลกเที่ยง หรือ โลกไม่เที่ยง, เมื่อไม่ทรงรู้
ไม่ทรงเห็น ก็ขอให้ตรัสบอกมาตรง ๆ เถิดว่า ‘เราไม่รู้ เราไม่เห็น’
ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ‘โลกมีที่สุด’ ขอจงตรัสตอบข้าพระองค์เถิดว่า
‘โลกมีที่สุด’
ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ‘โลกไม่มีที่สุด’ ขอจงตรัสตอบข้าพระองค์เถิด
ว่า ‘โลกไม่มีที่สุด’
ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงทราบว่า ‘โลกมีที่สุด หรือ โลกไม่มีที่สุด’ เมื่อไม่ทรงรู้
ไม่ทรงเห็น ก็ขอให้ตรัสบอกมาตรง ๆ เถิดว่า ‘เราไม่รู้ เราไม่เห็น’
ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ‘ชีวะกับสรีระเป็นอย่างเดียวกัน’ ขอจงตรัส
ตอบข้าพระองค์เถิดว่า ‘ชีวะกับสรีระเป็นอย่างเดียวกัน’
ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ‘ชีวะกับสรีระเป็นคนละอย่างกัน’ ขอจงตรัส
ตอบข้าพระองค์เถิดว่า ‘ชีวะกับสรีระเป็นคนละอย่างกัน’
ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงทราบว่า ‘ชีวะกับสรีระเป็นอย่างเดียวกัน หรือชีวะ
กับสรีระเป็นคนละอย่างกัน’ เมื่อไม่ทรงรู้ ไม่ทรงเห็น ก็ขอให้ตรัสบอกมาตรง ๆ เถิดว่า
‘เราไม่รู้ เราไม่เห็น’

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 13 หน้า :135 }