เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [10. ปายาสิสูตร] อุปมาด้วยนายกองเกวียน 2 คน

บุรุษนั้นตอบว่า ‘เรามาจากที่โน้น’
นายกองเกวียนถามว่า ‘ท่านจะไปไหน’
บุรุษนั้นตอบว่า ‘เราจะไปที่โน้น’
นายกองเกวียนถามว่า ‘หนทางกันดารข้างหน้ามีฝนตกมากใช่ไหม’
บุรุษนั้นตอบว่า ‘ใช่ครับ หนทางกันดารข้างหน้ามีฝนตกมาก หนทางมีน้ำ
ชุ่มฉ่ำ มีหญ้า ฟืนและน้ำมากมาย พวกท่านจงทิ้งหญ้า ฟืน และน้ำเก่าเสียเถิด
เกวียนเบาท่านจะเดินทางได้เร็วขึ้น วัวก็ไม่ต้องลำบาก’
ลำดับนั้น นายกองเกวียนเรียกพวกขับเกวียนมาบอกว่า ‘บุรุษนี้บอกว่า
‘หนทางกันดารข้างหน้ามีฝนตกมาก หนทางมีน้ำชุ่มฉ่ำ มีหญ้า ฟืน และน้ำ
มากมาย พวกท่านจงทิ้งหญ้า ฟืน และน้ำเก่าเสียเถิด เกวียนเบาท่านจะเดินทาง
ได้เร็วขึ้น วัวก็ไม่ต้องลำบาก’ พวกท่านจงทิ้งหญ้า ฟืน และน้ำเก่า จงขับเกวียนเบา
ไปเถิด’
พวกขับเกวียนรับคำของนายกองเกวียนแล้วทิ้งหญ้า ฟืน และน้ำเก่า ขับเกวียน
เบาไป แต่ก็มิได้พบเห็นหญ้า ฟืนหรือน้ำแม้ในที่พักกองเกวียนแห่งแรก แห่งที่ 2
แห่งที่ 3 แห่งที่ 4 แห่งที่ 5 แห่งที่ 6 แห่งที่ 7 ก็ไม่พบ จึงถึงความวอดวายด้วยกัน
มนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในกองเกวียนนั้นถูกอมนุษย์คือยักษ์จับกินเสียทั้งหมดเหลือแต่
กระดูก
ต่อมา เมื่อนายกองเกวียนคณะที่ 2 รู้สึกว่า เวลานี้กองเกวียนคณะแรกได้
ออกเดินทางไปนานแล้ว จึงบรรทุกหญ้า ฟืน และน้ำเป็นอันมากแล้วขับเกวียนไป
เมื่อไปได้ 2-3 วันได้พบบุรุษผิวดำนัยน์ตาแดงสะพายแล่งธนู ทัดดอกโกมุท มีผ้า
และผมเปียกปอน ขับรถคันงามมีล้อเปื้อนตมสวนทางมา จึงถามว่า ‘ท่านมา
จากไหน’
บุรุษนั้นตอบว่า ‘เรามาจากที่โน้น’
นายกองเกวียนถามว่า ‘ท่านจะไปไหน’
บุรุษนั้นตอบว่า ‘เราจะไปที่โน้น’

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 10 หน้า :362 }