พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [8. สักกปัญหสูตร] เรื่องเวทนากัมมัฏฐาน
ข้อที่เรากล่าวว่า จอมเทพ เรากล่าวโสมนัสไว้ 2 อย่าง คือ โสมนัสที่ควรเสพ
และโสมนัสที่ไม่ควรเสพ เรากล่าวเพราะอาศัยเหตุนี้
[361] เรากล่าวไว้เช่นนี้แลว่า จอมเทพ เรากล่าวโทมนัสไว้ 2 อย่าง คือ
โทมนัสที่ควรเสพและโทมนัสที่ไม่ควรเสพ เพราะอาศัยเหตุอะไร เราจึงกล่าวไว้
เช่นนั้น
บรรดาโทมนัส 2 อย่างนั้น โทมนัสใดบุคคลรู้ว่า เมื่อเราเสพโทมนัสนี้แล
อกุศลธรรมทั้งหลายเจริญยิ่งขึ้น กุศลธรรมทั้งหลายเสื่อมลง โทมนัสเช่นนี้เป็น
โทมนัสที่ไม่ควรเสพ
บรรดาโทมนัส 2 อย่างนั้น โทมนัสใดบุคคลรู้ว่า เมื่อเราเสพโทมนัสนี้แล
อกุศลธรรมทั้งหลายเสื่อมลง กุศลธรรมทั้งหลายเจริญยิ่งขึ้น โทมนัสเช่นนี้เป็น
โทมนัสที่ควรเสพ
ในโทมนัสนั้น โทมนัสใดมีวิตก มีวิจาร1 และโทมนัสใดไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร2
บรรดาโทมนัส 2 อย่างนั้น โทมนัสที่ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร ประณีตกว่า
ข้อที่เรากล่าวว่า จอมเทพ เรากล่าวโทมนัสไว้ 2 อย่าง คือ โทมนัสที่ควรเสพ
และโทมนัสที่ไม่ควรเสพ เรากล่าวเพราะอาศัยเหตุนี้
[362] เรากล่าวไว้เช่นนี้แลว่า จอมเทพ เรากล่าวอุเบกขาไว้ 2 อย่าง คือ
อุเบกขาที่ควรเสพและอุเบกขาที่ไม่ควรเสพ เพราะอาศัยเหตุอะไร เราจึงกล่าวไว้
เช่นนั้น
บรรดาอุเบกขา 2 อย่างนั้น อุเบกขาใดบุคคลรู้ว่า เมื่อเราเสพอุเบกขานี้แล
อกุศลธรรมทั้งหลายเจริญยิ่งขึ้น กุศลธรรมทั้งหลายเสื่อมลง อุเบกขาเช่นนี้เป็น
อุเบกขาที่ไม่ควรเสพ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [8. สักกปัญหสูตร] ปาติโมกขสังวร
บรรดาอุเบกขา 2 อย่างนั้น อุเบกขาใดบุคคลรู้ว่า เมื่อเราเสพอุเบกขานี้แล
อกุศลธรรมทั้งหลายเสื่อมลง กุศลธรรมทั้งหลายเจริญยิ่งขึ้น อุเบกขาเช่นนี้เป็น
อุเบกขาที่ควรเสพ
ในอุเบกขานั้น อุเบกขาใดมีวิตก มีวิจาร1 และอุเบกขาใดไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร2
บรรดาอุเบกขา 2 อย่างนั้น อุเบกขาที่ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร ประณีตกว่า
ข้อที่เรากล่าวไว้ว่า จอมเทพ เรากล่าวอุเบกขาไว้ 2 อย่าง คือ อุเบกขาที่
ควรเสพและอุเบกขาที่ไม่ควรเสพ เรากล่าวเพราะอาศัยเหตุนี้
[363] จอมเทพ ภิกษุปฏิบัติอย่างนี้แล จึงจะชื่อว่าปฏิบัติตามข้อปฏิบัติ
อันสมควร และดำเนินไปสู่ความดับแง่ต่างแห่งปปัญจสัญญา
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสตอบปัญหาที่ท้าวสักกะจอมเทพทูลถามอย่างนี้แล้ว
ท้าวสักกะจอมเทพมีพระทัยยินดีชื่นชมอนุโมทนาพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เรื่องนี้เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระสุคต เรื่องนี้เป็นอย่างนั้น
ข้าพระองค์ไม่มีความสงสัยในเรื่องนี้ หมดความแคลงใจแล้ว เพราะได้ฟังการ
ตรัสตอบปัญหาของพระผู้มีพระภาค
ปาติโมกขสังวร3
(สำรวมในปาติโมกข์)
[364] ท้าวสักกะจอมเทพทรงชื่นชมอนุโมทนาพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค
ดังนี้แล้ว ได้ทูลถามปัญหาให้ยิ่งขึ้นไปว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ภิกษุปฏิบัติ
อย่างไร จึงจะชื่อว่าปฏิบัติเพื่อสำรวมในปาติโมกข์
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า จอมเทพ เรากล่าวกายสมาจาร(ความประพฤติ
ทางกาย) ไว้ 2 อย่าง คือ กายสมาจารที่ควรเสพและกายสมาจารที่ไม่ควรเสพ