เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [7. มหาสมยสูตร]
ว่าด้วยการประชุมครั้งใหญ่ของเทวดา

7. มหาสมยสูตร
ว่าด้วยการประชุมครั้งใหญ่ของเทวดา

[331] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่ามหาวัน1 เขตกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้น
สักกะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป ซึ่งล้วนเป็นพระอรหันต์
มีเหล่าเทวดาจำนวนมากจาก 10 โลกธาตุมาประชุมกันเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค
และเยี่ยมภิกษุสงฆ์
เทพชั้นสุทธาวาส 4 องค์ ได้มีความดำริดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคพระองค์นี้
ประทับอยู่ที่ป่ามหาวัน เขตกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ประมาณ 500 รูป ซึ่งล้วนเป็นพระอรหันต์ มีเหล่าเทวดาจำนวนมากจาก 10
โลกธาตุมาประชุมกัน เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคและเยี่ยมภิกษุสงฆ์ ทางที่ดี เราก็ควร
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วกล่าวคาถาองค์ละคาถาในสำนักพระผู้มีพระภาค”
[332] ลำดับนั้น เทพเหล่านั้นหายไปจากเทวโลกชั้นสุทธาวาสมาปรากฏ
ณ เบื้องพระพักตร์พระผู้มีพระภาค เหมือนบุรุษมีกำลังเหยียดแขนออกหรือคู้แขนเข้า
ฉะนั้น ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร เทพองค์หนึ่งได้กล่าว
คาถานี้ว่า
“การประชุมครั้งใหญ่ในป่าใหญ่
มีหมู่เทพมาประชุมกัน
พวกเราพากันมายังธรรมสมัย2นี้
ก็เพื่อได้เยี่ยมสงฆ์ผู้ไม่พ่ายแพ้”

เชิงอรรถ :
1 ป่ามหาวัน เป็นป่าที่เกิดเองตามธรรมชาติ อยู่ติดกับเทือกเขาหิมาลัย (ที.ม.อ. 331/287)
2 ธรรมสมัย ในที่นี้หมายถึงสถานที่ที่ประชุมเพื่อฟังธรรม (ที.ม.อ. 332/295)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 10 หน้า :259 }


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [7. มหาสมยสูตร]
ว่าด้วยการประชุมครั้งใหญ่ของเทวดา

จากนั้น เทพอีกองค์หนึ่งได้กล่าวคาถานี้ว่า
“ภิกษุทั้งหลายในที่ประชุมนั้น
มีจิตมั่นคง ทำจิตของตน ๆ ให้ตรง
ภิกษุผู้เป็นบัณฑิตย่อมรักษาอินทรีย์ไว้
เหมือนสารถีผู้กุมบังเหียนขับรถม้าไป”
เทพอีกองค์หนึ่งได้กล่าวคาถานี้ว่า
“ภิกษุเหล่านั้นตัดกิเลสดังตะปู1
ตัดกิเลสดังลิ่มสลัก ถอนกิเลสดังเสาเขื่อนได้แล้ว
เป็นผู้ไม่หวั่นไหว บริสุทธิ์
เป็นผู้ปราศจากมลทิน เที่ยวไป
เป็นผู้อันพระผู้มีพระภาคผู้มีพระจักษุ2ทรงฝึกดีแล้ว
เหมือนช้างหนุ่ม ฉะนั้น”
เทพอีกองค์หนึ่งได้กล่าวคาถานี้ว่า
“เหล่าชนผู้นับถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
จักไม่ไปสู่อบายภูมิ ครั้นละกายมนุษย์แล้ว
จักทำให้หมู่เทพเจริญเต็มที่”3

เชิงอรรถ :
1 กิเลสดังตะปู ในที่นี้หมายถึงราคะ โทสะ และโมหะ กิเลสดังลิ่มสลัก และกิเลสดังเสาเขื่อน ก็มีนัยเช่น
เดียวกัน (ที.ม.อ. 332/296)
2 มีพระจักษุ หมายถึงมีพระจักษุ 5 คือ 1. มังสจักขุ (ตาเนื้อ) 2. ทิพพจักขุ (ตาทิพย์) 3. ปัญญาจักขุ
(ตาปัญญา) 4. พุทธจักขุ (ตาพระพุทธเจ้า) 5. สมันตจักขุ (ตาเห็นรอบ) (ขุ.ม. (แปล) 29/11/55, ที.ม.อ.
186/169, 334/300)
3 ดูเทียบ สํ.ส. (แปล) 15/37/49-50

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 10 หน้า :260 }